สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ในเครือสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ABOUT US | EVENTS | NEWS | ALUMNI BOARD | WEBBOARD | CONTACT US |
||
สิทธิสตรี อรุณ จิรชวาลา
อรุณ จิรชวาลา สอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เป็นที่ 1 ของรุ่น หลังจากเรียนที่จุฬาฯ ได้ไม่นาน ก็สอบชิงทุนโคลัมโบไปศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย จบการศึกษากลับมา ทำงานทางด้านการเงิน และการธนาคาร ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ หลายแห่ง ตำแหน่งสุดท้ายคือ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารนครหลวงไทย ก่อนที่จะลาออกมาประกอบธุรกิจส่วนตัว อรุณมีผลงานการเขียนมากมาย ทางด้านการเงิน และการธนาคาร ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์และวารสารชั้นนำของไทย _____________________________________________________________________________________________________________________________________
ประเทศใหญ่ๆหลายประเทศในโลกนี้ มีผู้นำเป็นผู้หญิง
นายกรัฐมนตรีเยอรมันเป็นผู้หญิง
อาร์เจนตินาเพิ่งได้ประธานาธิบดีหญิงจากการเลือกตั้ง
ผู้ที่มีคะแนนนิยมสูงสุดในหมู่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในขณะนี้ก็เป็นผู้หญิง
ส่วนในอินเดีย แม้ว่านายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันจะเป็นผู้ชาย
แต่ที่ได้เป็นก็เพราะผู้ที่มีอิทธิพลทางการเมืองสูงสุด ซึ่งเป็นผู้หญิง
สนับสนุนให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง
แม้แต่ในหมู่ประเทศอิสลาม ผู้หญิงก็มีประวัติเป็นผู้นำประเทศหลายคน
ในปากีสถาน
นักการเมืองที่มีบทบาทและมีคะแนนนิยมสูงสุดในขณะนี้ก็เป็นผู้หญิง
ในอินโดนีเซีย ประธานาธิบดีคนก่อนก็เป็นผู้หญิง ในขณะที่ในบังคลาเทศ
ผู้นำที่ผลัดกันครองอำนาจมาสิบกว่าปีก่อนถูกทหารยึดอำนาจ
ก็เป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งคู่
แต่อีกด้านหนึ่ง ในอีกหลายๆพื้นที่บนโลกใบเดียวกันนี้
ผู้หญิงยังไม่มีสิทธิไม่มีเสียงใดๆ
เกิดมาเพียงเพื่อเป็นสมบัติและเป็นทาสรับใช้ของผู้ชาย
ลองมาฟังเรื่องของผู้หญิงชาวซาอุดิอาระเบียคนหนึ่ง เธออายุ 19 ปี
ชื่อจริงไม่เปิดเผย แต่เป็นที่รู้จักกันในข่าวว่า “สาวคาทิฟ” (Qatif girl)
ซึ่งเป็นชื่อเมืองที่เธออาศัยอยู่
ในเดือนตุลาคม 2549 เธอเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ เธอได้รับการติดต่อ (น่าเชื่อว่าเป็นการแบล็กค์เมล์)
จากอดีตนักเรียนชายร่วมโรงเรียนมัธยมว่าเขามีรูปถ่ายของเธออยู่ในมือ
ถ้าอยากได้คืนให้ออกมาพบกันนอกบ้าน เธอรู้สึกเดือดร้อน เพราะโดยประเพณี
หญิงที่แต่งงานแล้วไม่ควรมีรูปถ่ายอยู่ในมือชายอื่น แม้ว่าจะเป็นรูปธรรมดา
ไม่โป๊ไม่เปลือย หรือจู๋จี๋อยู่กับแฟนก็ตาม
เธอนัดพบกับชายคนนั้น และนั่งรถไปด้วยกันเพื่อไปเอารูป
ระหว่างทางทั้งคู่ถูกแก๊งผู้ชายกลุ่มหนึ่งจี้และลักพาตัวไป
ฝ่ายหญิงถูกเรียงคิวข่มขืนโดยผู้ชาย 7 คน ฝ่ายชายก็ถูกผู้ชายด้วยกันข่มขืน
3 คน
ศาลให้เหตุผลที่ลงโทษสาวเคราะห์ร้ายว่า
เธอทำผิดที่ออกนอกบ้านโดยไม่ขออนุญาต
และปรากฏตัวอยู่กับชายอื่นที่ไม่ใช่ญาติ
ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามตามหลักศาสนา นอกจากนั้น
คนที่ทำผิดคนแรกในคดีข่มขืนนี้คือตัวเธอเอง
ถ้าเธอไม่ฝ่าฝืนออกนอกบ้านในวันนั้น เธอก็จะไม่ถูกข่มขืน
ศาลอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2550 ที่ผ่านมา
เพิ่มโทษจำคุกแก๊งข่มขืนจาก 1 – 5 ปี เป็น 2 – 9 ปี
แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มโทษสาวเคราะห์ร้ายจากโบย 90 ครั้ง เป็น 200 ครั้ง
เพิกถอนใบอนุญาตประกอบอาชีพของทนาย
และให้กระทรวงยุติธรรมเรียกตัวไปสอบวินัยในเดือนถัดไป
สาเหตุที่ถูกเพิ่มโทษคือ
ใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับกระบวนการยุติธรรม
ในครั้งนี้ข่าวดังไปทั่วโลกตะวันตก หลายประเทศออกมาประท้วง
และแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน
รวมทั้งวิพากย์วิจารณ์ระบบยุติธรรมของซาอุดิอาระเบีย
ตลอดจนเรียกร้องให้กษัตริย์อับดุลลาทรงมีบัญชาให้คำตัดสินเป็นโมฆะ
และเร่งกระบวนการปฏิรูประบบยุติธรรมซึ่งได้ทรงกำหนดไว้เป็นนโยบายอยู่แล้ว
หลักการที่สำคัญในเรื่องนี้คือ ถ้าผู้ถูกข่มขืนเสี่ยงที่จะต้องถูกลงโทษด้วย
ต่อไปผู้ที่ถูกข่มขืนจะไม่กล้าแจ้งความหรือแสวงหาความยุติธรรม
อาชญากรส่วนใหญ่ก็จะลอยนวล
คดีนี้นอกจากจะมีคำถามเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมแล้ว
ยังมีประเด็นที่น่าสนใจทั้งภายในและภายนอกซาอุดิอาระเบีย ดังนี้
นอกซาอุดิอาระเบีย
มีคนตั้งข้อสังเกตุว่าปฏิกิริยาในหมู่ประเทศตะวันตกระหว่างของรัฐบาลกับของกลุ่มคนในสังคมที่ไม่ใช่รัฐแตกต่างกันมาก
กลุ่มที่ไม่ใช่รัฐเกือบทั้งหมดจะแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินอย่างรุนแรง
รวมทั้งมีการเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศของตนประท้วงหรือประณามคำพิพากษานี้อย่างเป็นทางการ
ในขณะที่ รัฐบาลส่วนใหญ่กลับพยายามพูดถึงเรื่องนี้ให้น้อย
และเลือกคำพูดด้วยความระมัดระวัง
เพราะเกรงว่าจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
มีเสียงวิจารณ์ต่อไปว่า จริยธรรมของรัฐบาลตะวันตกมี 2 มาตรฐาน
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในอิหร่าน
ป่านนี้อิหร่านคงถูกถล่มยับเยินในเวทีสังคมโลกไปแล้ว
บ่อน้ำมันของซาอุดิอาระเบียใหญ่พอที่จะทำให้มหาอำนาจตะวันตกทั้งหลายต้องเกรงอกเกรงใจเป็นพิเศษ
หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us
ABOUT US | EVENTS | NEWS | ALUMNI BOARD | WEBBOARD | CONTACT US Copyright 2007 Chulalongkorn University Alumni Association of California
|