ช่วงนี้
สำหรับคนทั่วไปเป็นเทศกาลสงกรานต์
สำหรับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เป็นเทศกาลประชุมผู้ถือหุ้น
สงกรานต์ทุกปี
จะมีคนฆ่าตัวตายด้วยการเมาแล้วขับ
ถ้าเป็นรถจักรยานยนต์ก็มักจะตายเอง
ถ้าเป็นรถยนต์หรือรถบรรทุก
ก็มักจะมีคนอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่พลอยตายไปด้วย
สำหรับการประชุมผู้ถือหุ้น
มักจะมีกรรมการครบวาระ
3-4 คน
ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะได้รับเลือกกลับเข้ามาใหม่
ผมเพิ่งได้อ่านบทความในหนังสือยูโรมันนี
ฉบับเดือนกุมภาพันธ์
ชื่อ
Board
stupid
หรือ
บอร์ดโง่
เลยถือโอกาสดัดแปลงมาเป็นชื่อเรื่องวันนี้
เขาเขียนเรื่องความเสียหายนับแสนล้านเหรียญสหรัฐของธนาคารใหญ่ๆ
ในสหรัฐและยุโรป
เขาเตือนผู้ลงทุนหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน
ซึ่งส่วนใหญ่ขาดทุนไปแล้วเป็นจำนวนมาก
บอกว่าอย่าหวังพึ่งกรรมการอิสระให้คอยช่วยดูแลไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
เพราะจะผิดหวัง
กรรมการธนาคารส่วนใหญ่ไม่มีทั้งความรู้
ประสบการณ์
และคุณสมบัติที่เหมาะสม
จึงหวังให้ทำหน้าที่ที่พึงต้องรับผิดชอบไม่ได้
ตอนแรกผมคิดว่าเขาพูดถึงเมืองไทยเสียอีก
อ่านต่อไปแล้วจึงรู้ว่าไม่ใช่
เขาบอกว่า
ในโลกปัจจุบัน
ธุรกิจการเงินน่าจะเป็นธุรกิจที่มีความสลับซับซ้อนมากที่สุด
ผมขอเสริมเองว่า
ไม่ว่าจะสลับซับซ้อนที่สุดหรือไม่
แต่เสี่ยงต่อความเสียหายมากที่สุด
เพราะถึงแม้จะเป็นบริษัทจำกัด
แต่เวลาเสียหาย
อาจเสียหายมากกว่าทุนที่ลงไปนับสิบเท่า
เพราะจะเสียหายไปถึงเงินฝากประชาชน
ทำให้รัฐบาลต้องเอารายได้ภาษีมาแบกรับแทน
ทุกคนคงจำกันได้ดีว่า
ความสูญเสียหลังวิกฤตปี
2540
ที่ไปกองรวมกันที่กองทุนฟื้นฟูฯ
เป็นเงินนับล้านล้านบาท
ล้วนมาจากปัญหาคล้ายกันนี้ทั้งสิ้น
เขาบอกว่า
กรรมการธนาคารส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องการธนาคาร
เรื่องความเสี่ยงสินเชื่อ
เรื่องระบบควบคุมภายใน
และเรื่องการบริหารความเสี่ยง
บ่อยครั้งที่ในคณะกรรมการทั้งคณะ
มีคนที่รู้เรื่องเพียงคนเดียว
คือซีอีโอ
เขายกตัวอย่างเมอริลล์
ลินช์
ซึ่งขาดทุนจากปัญหาซับไพรม์กว่า
2
หมื่นล้านเหรียญ
หลังจากซีอีโอคนเก่าลาออกไป
และสรรหาคนใหม่มาแทนแล้ว
ก็ยังมีปัญหาเดิม
คือซีอีโอคนใหม่เป็นคนเดียวในคณะกรรมการที่รู้เรื่องการธนาคาร
จากการศึกษาธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกสิบกว่าแห่ง
เขาพบว่ากลุ่มที่เสียหายมากในรอบนี้
มักจะมีคณะกรรมการที่รู้เรื่องการธนาคารน้อย
ตัวอย่างจากฝั่งยุโรปก็ให้ผลคล้ายกัน
คือ
ธนาคารยูบีเอส
ซึ่งเสียหายมาก
มีเพียงตัวประธานกรรมการและรองประธานกรรมการบริหารที่รู้เรื่องการธนาคาร
ส่วนธนาคารเครดิตสวิส
ซึ่งเสียหายน้อย
มีกรรมการกว่าครึ่งหนึ่งที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการธนาคารเป็นอย่างดี
ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารบางแห่ง
ยอมรับกับเขาโดยไม่ยอมให้เปิดเผยชื่อว่า
ระบบการแต่งตั้งคณะกรรมการ
มีส่วนสำคัญในการทำให้ธุรกิจการธนาคารมีปัญหา
เขาแนะนำให้ผู้ถือหุ้นอย่าอยู่เฉย
เพราะผู้ถือหุ้นมีสิทธิที่จะปกป้องเงินลงทุนของตนเอง
โดยการเรียกร้องให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่มีคุณภาพ
ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
เพราะปัญหาในบ้านเรามีมากกว่าเขาเสียอีก
มีคนวิจารณ์แบบติดตลกว่า
ในบ้านเขา
คณะกรรมการทั้งคณะอาจจะมีคนรู้เรื่องเพียง
1 คน
แต่ในบ้านเรา
ทั้งคณะอาจจะไม่มีคนรู้เรื่องแม้แต่คนเดียว
อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้นะครับ
เพราะบ้านเรามีธนาคารของรัฐและกึ่งรัฐนับจำนวนเกือบไม่ถ้วน
ธนาคารกึ่งรัฐหมายถึงธนาคารที่ได้ชื่อว่าเป็นเอกชน
แต่รัฐยังถือหุ้นอยู่เกือบครึ่ง
การเมืองมักจะเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งคณะกรรมการและซีอีโอ
ถึงจะมีกระบวนการสรรหา
ก็มักจะเป็นการสรรหาตามใบสั่ง
วัฏจักรแห่งการล้มแล้วลุก
ลุกแล้วล้ม
จึงยังไม่มีแนวโน้มจะหมดไปจากระบบการเงินของไทย
ผมคิดว่าเป็นหน้าที่ของแบงก์ชาติ
ในฐานะผู้กำกับดูแลสถาบันการเงิน
ที่จะต้องคอยกลั่นกรองให้ดี
ก่อนให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งกรรมการและซีอีโอของธนาคาร
จะหวังพึ่งกระทรวงการคลังคงไม่ได้
เพราะกระทรวงการคลังย่อมหวังผลทางเศรษฐกิจระยะสั้นในระหว่างที่เป็นรัฐบาล
มากกว่าจะคำนึงถึงเสถียรภาพของระบบในระยะยาว
นอกจากนี้
กระทรวงการคลังยังอาจไม่เข้าใจประเด็นละเอียดอ่อนของระบบการเงินเท่าที่ควร
ผมอยากเสนอให้แบงก์ชาติดำเนินการเกี่ยวกับคณะกรรมการของสถาบันการเงินในประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารของรัฐและกึ่งรัฐ
ดังนี้
หนึ่ง
ให้มีกรรมการอิสระไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของคณะกรรมการ
สอง
กรรมการอิสระต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง
ไม่ว่าในสถานะใดๆ
และต้องไม่เป็นข้าราชการ
เพราะอาจจะทำให้อยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมือง
สาม
ในกลุ่มกรรมการอิสระ
ไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งต้องมีประสบการณ์ในธุรกิจการธนาคาร
และต้องมีคนที่เชี่ยวชาญเรื่องบริหารความเสี่ยง
อย่าให้คนเมาเหล้าและคนขับรถไม่เป็น
มีโอกาสขับรถโดยสารสาธารณะเลยครับ
เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ไม่ปลอดภัยทั้งผู้โดยสารและคนอื่นๆ
บนท้องถนน
ตัดไฟเสียแต่ต้นลม
ดีกว่าต้องตามไปรักษาคนเจ็บ
และเก็บศพคนตายในภายหลัง
|