นักสู้ ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์
ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์
จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต
สาขาไฟฟ้าจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และจบปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เริ่มงานเป็นวิศวกรโรงงานแต _____________________________________________________________________________________________________________________________________ คนเราประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วงชีวิตหนึ่งได้สักกี่ครั้ง ไม่น่าจะเกินหนึ่งถึงสองครั้ง ผลงานของ Steve Jobs ได้ทำลายความเชื่ออันนั้น ความสำเร็จของเขาถือได้ว่าเป็นชัยชนะแบบ Grand Slam เมื่อยี่สิบเก้าปีที่แล้วเด็กหนุ่มสองคน Steve Jobs และ Steve Wozniak ร่วมกันก่อตั้งบริษัท Apple ความตั้งใจแต่แรกไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าสร้างบริษัทเล็ก ๆ เพื่อผลิต Computer board ขาย Steve Wozniak มีพรสวรรค์ในการออกแบบวงจรไฟฟ้าชอบคิดค้นสิ่งแปลกใหม่ ส่วน Steve Jobs เป็นคนหัวแข็งที่เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย แต่มีหัวการค้าที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ จากจุดเริ่มต้นในโรงรถกลายมาเป็นบริษัท Apple ที่ผลิตคอมพิวเตอร์ Apple I, Apple II, Apple III, Steve Jobs คิดการไกลถึงกับชักจูง John Sculley ซึ่งเป็นมือการตลาดชั้นเยี่ยมในยุค 1980 มาเป็น CEO ของ Apple จากเดิมที่ John Sculley เป็น CEO ของ Pepsi คำเชิญที่ Steve Jobs พูดกับ John Sculley ถือได้ว่าเป็นคำพูดที่เป็นตำนานทางธุรกิจ “คุณจะขายน้ำอัดลมไปชั่วชีวิตหรือจะเลือกทำสิ่งที่มีความสำคัญมากไปกว่านั้น” 24 มกราคม 1984 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ของการตลาดต้องลงบันทึกไว้เมื่อ Apple แนะนำผลิตภัณฑ์ Apple Macintosh แค่โฆษณาก็ล้ำยุคจนบอร์ดของ Apple กลัวจนมือสั่นไม่แน่ใจในหนังโฆษณาและขอให้บริษัทโฆษณา Chiat Day ถอนเวลาโฆษณาทางโทรทัศน์ที่ซื้อไว้ในช่วงถ่ายทอดสด Super Bowl โชคดีที่ Jay Chiat ลูกพี่ของบริษัทโฆษณามีกึ๋นบอกว่าขายเวลาได้ไม่หมดเหลืออยู่หนึ่งสปอต ทำให้หนังโฆษณาได้มีโอกาสแพร่ภาพ หลังจากนั้นก็เหมือนกับไฟลามทุ่งยอดขายของ Apple Macintosh พุ่งเป็นจรวด ส่วนภาพยนตร์โฆษณาของ Apple Macintosh ได้รับการยกย่องให้เป็นโฆษณาของทศวรรษ 1985 เป็นปีแห่งความปั่นป่วน ยอดขายของ Apple Macintosh เรี่มตกต่ำอันเป็นปัญหามาจากคุณภาพของสินค้า ในขณะเดียวกันเกิดความขัดแย้งทางความคิดระหว่าง Steve Jobs ซึ่งเป็นประธานกรรมการของบริษัทกับบอร์ด ผลคือ Steve Jobs ต้องโบกมือลาบริษัทที่ตัวเองเป็นผู้ก่อตั้ง Steve Jobs พาทีมงานคู่ใจออกมาด้วยหกคนแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่เมื่ออายุสามสิบแล้วตั้งบริษัท NeXT เพื่อผลิตคอมพิวเตอร์ที่มีเทคโนโลยีที่ดีกว่า Apple ผลการประกอบการของ NeXT ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ดูแล้วเหมือนกับว่าจะไปไม่รอด ต้องหันทิศของบริษัทไปพัฒนาสินค้า Software เมื่อ Steve Jobs ถูกขับออกจาก Apple เขาได้เงินค่าตกใจ 150 ล้านเหรียญ Steve ใช้เงินก้อนนี้เพื่อการลงทุน และโอกาสก็มาถึงเมื่อ George Lucas อภิมหาผู้กำกับภาพยนตร์ Star War อยากขายบริษัทของตนเองบริษัทหนึ่งซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับ Computer animation Steve Jobs ซี้อบริษัทมาในราคาต่ำกว่า 10 ล้านเหรียญ แล้วเปลี่ยนชื่อบริษัทโดยใช้ชื่อว่า Pixar เช่นเดียวกันในระยะแรก Pixar มีผลการดำเนินงานที่ล้มลุกคลุกคลาน จุดหักเหของ Steve Jobs เกิดขึ้นเมื่อ Pixar เปลี่ยนทิศทางของบริษัทมาผลิตภาพยนต์ให้กับ Walt Disney ด้วยข้อตกลงว่า Pixar เป็นผู้ผลิตและ Walt Disney ทำการตลาดและจัดจำหน่าย Toy Story เป็นหนังเรื่องแรก ที่ใช้เวลาสร้างนานกว่าเก้าปี จากนั้นก็ตามออกมากวาดเงินเป็นขบวนอย่างเช่น A Bug’s Life, Finding Nemo, The Incredible จากบริษัทที่ซื้อมาในราคา10 ล้านเหรียญกลายมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากว่า 1,200 ล้านเหรียญในวันแรกที่หุ้นเข้าไปซื้อขายในตลาดหุ้น NASDAQ จุดหักเหที่สองเกิดขึ้นในปี 1996 เมื่อ Apple ต้องการหา Operating System ให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง Apple เรียกบริษัทชั้นเยี่ยมทางด้าน Software มาเสนองานแข่งเพื่อเลือก Operating system ที่ดีที่สุด และ NeXT ได้รับเชิญด้วย สุดท้าย Apple เลือกผลิตภัณฑ์ของ NeXT ผลคือ Apple ซี้อกิจการของ NeXT ในมูลค่า 377.5 ล้านเหรียญและหุ้นของ Apple อีก 1.5 ล้านหุ้นและเสนอให้ Steve Jobs มีตำแหน่ง “ที่ปรึกษาพิเศษ” จากเทวดาตกสวรรค์มาฟื้นคืนชีพภายในสิบปี แล้วดังกว่าเดิมที่บ้านเกิด จากตำแหน่ง “ที่ปรึกษาพิเศษ” มาเป็น “CEO ชั่วคราว” และ “CEO” Steve Jobs นำ Apple บุกสู่ยุคใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์ล้ำเกินสมัยอย่างเช่น iMac, iBook, ที่สำคัญคือ iPod ผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยน Business Model ของ Apple ไปอย่างสิ้นเชิง ยอดจำหน่ายของ iPod ถึงทุกวันนี้ขายไปแล้วกว่า 16 ล้านเครื่อง Steve Jobs สร้าง Apple ให้แข็งแรงกว่าเดิมจากจุดต่ำสุดซึ่งครั้งหนึ่งเกือบถูก Takeover โดย Sun Microsystem ทุกวันนี้ Apple ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของการพัฒนาธุรกิจ IT เข้าสู่ยุคที่ Content มีบทบาทสร้างผู้แพ้หรือผู้ชนะ คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอยเลย |