สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ในเครือสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

                             ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

 

         

                                              Diarrhea    

                                                                      ตอนที่ 4

                                                                                                          น.พ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช

   

ปลา-ปา

          คำแรกออกเสียงปลาสำหรับคนไทยแท้อ่านกัน คำที่สองปาสำหรับคนลาวและคนจีนอ่านกัน

          เรื่องของปลาผมก็เขียนมาหลายครั้ง แต่เป็นคนละตอนกันไม่เคยได้ประติดประต่อกันเป็นเรื่อง ครานี้จะจัดให้เป็นระเบียบหน่อย ที่เขียนเรื่องนี้ไม่ใช่ให้หยุดกินปลาเลยทีเดียว แต่ให้ระวังปากไว้ (สมกับคำพังเพยของจีนว่า ภัยออกจากปาก โรคเข้าทางปาก) เพราะที่คนขายบอก และตาเราเห็นอาจจะหลอกเราก็ได้ ยิ่งอาหารทะเลที่มีเปลือกหุ้ม Shellfish ด้วยแล้ว ถ้าโดนพิษสงมันสักที เช่นที่ร้ายแรงที่สุดคือโรคตับ Hepatitis จะเข็ดจนตายเลย พิษของปลาก็แบ่งเป็นหลายอย่าง

          Scromboid Poisoning คงต้องแปลว่าแพ้แบบภูมิแพ้หรือจากฮิสตามิน-Histamine สาเหตุเกิดเพราะเนื้อปลาสดไม่ได้เก็บรักษาไว้อย่างดี หลังจากจับมาแล้ว เนื้อปลาเริ่มถูกทำลายโดยเชื้อโรคโดยเฉพาะเชื้อ Salmonella  ทำให้เกิดเป็นสารพิษ หรือสารแพ้ที่เรียกว่า Histamine สารตัวนี้จะทำให้เกิดอาการขึ้นมาได้ภายในครึ่งชั่วโมง มีอาการปวดหัว หน้าแดง ตัวคัน เกิดผื่น ที่เรียกว่า ลมพิษ ปากบวมหน้าบวม เขาเรียกว่า Angioedema มีอาการคลื่นไส้อาเจียร ปวดท้อง ท้องเดิน ทางระบบหายใจก็ฝืด อาจถึงขั้นเป็นหืด เห็นหรือยังครับ มันเล่นงานเราทั้งสามระบบของร่างกายเราคือ ระบบผิวหนัง ระบบทางเดินอาหาร แล้วก็ระบบหายใจ โชคดีที่พิษนี้ไม่มากถึงทำอันตรายได้ นอกจากเรากินมากไป พิษสะสมมากจนหายใจไม่ออกก็ต้องหาหมอทันที ถ้าคนเคยแพ้พวกนี้มามาก ควรจะพกยาฉีด Adrenaline ไว้ในกระเป๋าถือ (เหมือนคนแพ้ผึ้งกัด ต้องมีตัวยานี้พกติดตัวไว้เสมอ) อาการมักจะหมดไปภายในสิบสองชั่วโมง ถ้าหาหมอไม่ได้ระหว่างท่องเที่ยว ก็ซื้อยาพวกแก้หวัดน้ำมูกไหล เช่น Benedryl 25 mg กินครั้งละสองเม็ด ทุกหกชั่วโมงลดพิษของฮิสตามินนี่ได้ หรือถ้าจะดีอีกก็ซื้อ Tagamet 200 mg สองเม็ดวันละสามเวลา ไม่หายก็เข้าหาหมอแหละครับ ถ้ามาก ๆ ก็เข้า ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาล

          ปลาที่กลายเป็นพิษนี่มักจะเป็นของโปรดของคนชอบกินปลาดิบ Sushi เช่นปลาทูทะเล Mackerel, Yellow Tail, Mahimahi, Bonita, และ Kingfish. พวกนี้เป็นปลาทะเลน้ำลึก

          สองอาทิตย์ที่แล้ว ลูกสาวผมพาไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ร้านจำพวก แดกหมด all-you-can-eat ตอนบ่ายสองโมง ร้านเขาใกล้จะปิดอยู่แล้ว ผมก็กินปลาดิบเหมือนลูกและเมียผม มีผมอยู่คนเดียวที่ริมฝีปากหนาขึ้นเรื่อย ๆ จนเหมือนหน้า ตือโป๊ยไก่ ในหนังเรื่องไซอิ๋ว ปากและลิ้นชาไปหมด หน้าแดง เวียนหัวนิดหน่อย แต่ไม่คลื่นไส้หรือปวดท้อง หายใจธรรมดา ลูกเมียผมบอกว่าผมอาจแพ้ตัว วาซาบิหรือมาสตาดญี่ปุ่นที่ใช้จิ้ม ลงท้ายก็ไม่รู้ว่าผมแพ้อะไร อาการก็หายไปในวันนั้น หลังจากนั้นผมก็ลองจิ้มตัววาซาบิเฉย ๆ กับอาหารอื่น ก็ไม่เห็นมีอาการอะไร ผมคงคิดว่าจากปลาดิบชิ้นใดชิ้นหนึ่งที่เกิดการแปลธาตุ กลายเป็น ฮิสตามินขึ้นมาเพราะตั้งไว้ถูกอากาศอุ่นนานไป ด้วยไม่ได้กินชิ้นปลาดิบอย่างนั้นมาก อาการเลยไม่มากนัก และโชคดีที่ผม แดกหมด ทุกอย่าง เลยมีพิษในตัวน้อยลงไป เห็นหรือเปล่าการไปกินอาหารพวกนี้ ควรจะต้อง แดกหมด สมชื่อของมันถึงจะคุ้มเงินและกันเป็นโรครุนแรงได้

          Ciguatera ผมก็แปลศัพท์คำนี้ไม่ออก แต่คงต้องแปลว่าเป็นพิษ มักจะเกิดจากปลาทะเลที่อยู่แถวที่มีปากะรัง Reef fish หรือทะเลตื้น เช่น Barracuda, Red snapper, Grouper, Sea bass, Surgeon fish. เพราะพวกนี้อาศัยอยู่ในแถวหินปากะรังพวกนี้ จับสัตว์น้ำที่ตัวเล็กกว่าเป็นอาหาร สัตว์น้ำที่เล็กกว่าอาจกินพืชเล็ก จำพวก Algae หรือที่เราเรียกว่าตะไคร่น้ำ กับไรน้ำ Plankton เป็นอาหาร แต่ถ้าลอยเป็นแพ เราเรียกว่า ตัวหนึ่งซึ่งเป็นทั้งสัตว์และพืชไปในตัวชื่อว่า Dinoflagellates ซึ่งลอยอยู่ตามหินปากะรัง เกิดแพร่พันธุ์มากมายและทำให้ผิวน้ำแถบนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ เมื่อพวกนี้เปลี่ยนเป็นสีแดง จะเป็นพิษขึ้นมา น้ำทะเลแถวนั้นจะเป็นสีแดงคล้ำไป มักจะเกิดตอนหน้าร้อนตามชายฝั่งของไทย สัตว์ทะเลที่เปลือกหุ้ม เช่นหอยนางลม หอยแมลงภู่ ปู ซึ่งอาศัยพวกนี้เป็นอาหาร สัตว์เปลือกหุ้มพวกนี้ไม่เกิดอันตรายแก่ตัว แต่ทำให้ตัวปลาที่มากินสัตว์เปลือกหุ้มพวกนี้ตายได้ ส่วนตัวปลาที่กินน้อยหน่อยอาจรอดมาได้ แล้วถ้าเรากินเนื้อปลาที่เป็นพิษอยู่บ้างพิษก็มาสู่ตัวเรา มันเป็นวงจรรอย่างนี้แหละครับ  ตอนนี้กระแสน้ำเสียแดง Red tide นี่กำลังระบาดไปเกิดทั่วโลก ซึ่งเมื่อก่อนมักมีแถวมหาสมุทรอินเดีย เมื่อเกิดระบาดน้ำเสียแดงนี่ ทำให้ปลาตายเป็นแถว แม้แต่ปลาวาฬที่กินนัวไรน้ำพวกนี้ก็พลอยตายไปด้วย คนที่อยู่ตามชายฝั่งจับปลาพวกนี้กินก็ตายไปมากเหมือนกัน เช่นแถวชาวฝั่งประเทศชีลี่ทางอเมริกาใต้ ซึ่งไม่เคยมีมาแต่ก่อน นักวิทยาศาสตร์บอกว่า เกิดเพราะเราใช้ปุ๋ยธรรมชาติจำพวก สารดินประสิวและฟอสเฟตกันมาก ก็ผลซักฟอกที่มีฟอสเฟต แล้วละลายไหลลงทะเลไป (ปีที่แล้วไปเที่ยวเรือที่ประเทศตุรกี เข้าติดป้ายในห้องขอร้อง อย่าใช้ผ้าเช็ดตัวเปลืองมาก เพราะสบู่ที่ซักผ้านี่ประกอบด้วยฟอสเฟต เมื่อสบู่นี่ลงทะเลจะทำให้น้ำเสียได้ ก็คงเหตุนี้ละมั่ง) เลยทำให้เป็นปุ๋ยเลี้ยงพวกนี้ในน้ำด้วย เชื่อไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ไม่เสียหาย เสียหายตอนซวย ไปกินเอาตัวเป็นพิษเข้าเท่านั้น

          พิษที่สะสมในเนื้อปลาเป็น Ciguatoxin ทำให้เกิดอาการได้สองอย่าง คือทางเดินอาหาร คือคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง อีกอาการหนึ่งจากทางประสาท มีเวียนหัว ปวดหัว หนาว ๆ ร้อน ๆ ตามืดมัว มือไม้อ่อน เดินไม่ได้เอง คันตามตัว มีผื่นขึ้นตามตัว ความดันตก ชีพจรเต้นช้าลง และอาจหายใจลำบากอาการพวกนี้เกิด1-6 ชั่วโมงหลังกินเนื้อปลา ถ้าอาการไม่ดีโดยเฉพาะหายใจลำบาก รีบเรียกรถหวอได้เลย การรักษาโดยการกำจัดพิษไม่มี ต้องรักษาอาการ โดยเฉพาะหายใจ ความดันเลือดตก ชีพจรช้ามาก ๆ ต้องรีบให้ยาทางสายน้ำเกลือ อาจนอนป่วยเป็นอาทิตย์ บางคนอาจเป็นเดือนเป็นปีถ้าซวยมาก เพราะเดินไม่สะดวก

          ในขณะเดียวกัน หลังจากกระแสสีแดงผ่านไปแล้วหลายเดือน หรือเป็นปี อาหารทะเลที่มีเปลือกหุ้มแถวนั้นก็ยังกินไม่ได้ เพราะมันมีพิษอีกตัวสะสมอยู่ เรียกว่า Saxitoxin อาการร้ายแรงพอ ๆ กับกินเนื้อปลาที่เป็นพิษนั่นแหละ

          Fugu  เพราะไปกินเนื้อปลาปักเป้า ซึ่งชาวญี่ปุ่นชอบมาก พ่อครัวที่ทำปลานี่ขายจะแล่ให้แค่บาง ๆ สองสามแผ่นเท่านั้น  เขาไม่ให้แดกหมด แบบ All you can eat แบบนั้นหรอก อย่าอุตริ "อั๊วมีเงินเสียอย่าง มีปัญหาหรือเปล่า ร้านนี้ให้น้อยจัง ไปร้านอื่นต่อไปก็ได้ กินให้มันเหนำใจไปเลย" มีซี่ครับ ครึ่งตายแบบเขียดเลยครับ ต้องแบกเข้าโรงพยาบาล เพราะหายใจไม่ออก นอนมีสายต่อทั้งตัวเหมือนปลาหมึกยักษ์ ตอนขาออกจากโรงพยาบาล กล้ามเนื้อลีบหมด เพราะกล้ามเนื้อกระดุกกระดิกไม่ได้เป็นปีเลย ทั้งนี้เพราะพิษของ Tetrodotoxin อัตราการตายจากพิษตัวนี้ 60% ครับ มันเล่นงานทางเส้นประสาทและสมองบางส่วน ทำให้อัมพาต

          Allergy & Anaphylactic Shock สาเหตุเกิดเพราะคนคนนั้นเกิดแพ้ปลา แต่ส่วนมากจะเป็นสัตว์น้ำมีเปลือกหุ้ม เช่นหอย ปู กุ้ง เพราะร่างกายเรามันไม่ดีเอง ร้อยคนพันคนไม่เห็นจะเป็น แต่เรากินเข้าไปเกิดแพ้ได้ ครั้งแรกอาจมีอาการน้อย แล้วครั้งต่อ ๆ ไปจะเป็นมากขึ้น เพราะร่างกายจะปล่อยสาร Histamine และ Leukotrienes และสารอื่น ๆ ที่ทำให้กล้ามเนื้อ Smooth ปอดหดตัว ทำให้หายใจลำบาก ลำไส้บีบตัวปวดท้องคลื่นไส้อาเจียร เส้นเลือดฝอยขยายตัว ทำให้ทำให้เป็นผื่น ลมพิษ และคันมาก เรียกว่า Urticaria

          เห็นภาพจากการอ่านหรือยังว่า การกินปลาต้องระวังตัวสักขนาดไหน ผมว่าการกินปลาดิบนั้นถ้าจะกินก็ควรกินร้านที่เขามีคนทำที่เชื่อถือได้ จะได้ปลอดภัยและอร่อย ส่วนร้านที่ชาวแมกซิกันล้วน ไม่มีพ่อครัวญี่ปุ่นคุมอยู่ ควรจะหลีกเลี่ยงพวกของดิบ เอาแต่พวกสุกเข้าไว้ นอกจากที่บรรยายไว้ ยังมีอีกหลายโรคจากปลาเ่นพยาธิใบไม้ โรคไวรัสตับจากพวกมีเปลือกหุ้มอีก

          แล้วจะกินอะไร โว้ย!

              

              กลับไป ตอนที่ 3                                                                                      อ่านต่อ ตอนที่ 5

                    

หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us             

                                                       

                     ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                          Copyright 2007 Chulalongkorn University Alumni Association of California