หมอยิว

                                        

น.พ.สุวัฒน์  สุวรรณวานิช

คณะแพทย์ศาสตร์

นายกสมาคมฯ ปี 2000-2001

        โรงพยาบาลที่มีชื่อโด่งดัง มีการสอน มีการค้นคว้า มีการทดลองใหม่ๆ มักจะมีหมอยิวโด่งดังประจำอยู่  ไม่ต้องไปไกลหรอกครับ  ก็ที่โรงพยาบาลซีด้า ไซไน ที่เมือง L.A. นี่ก็เป็นของยิวเขา  เมื่อไม่นานมานี้มีการ ผ่าตัดใส่หัวใจเทียมที่ทำด้วยพลาสติก และโลหะ Titanium  มีขนาดเท่ากำปั้น ก็ทำกันที่ในโรงพยาบาลชื่อ Jewish Hospital  แต่อยุ่ในรัฐ Kentucky  โรงพยาบาลพวกนี้ส่วนมากเป็นเงินทุนของ องค์การยิวเขาบริจาคให้ หรือก่อตั้งโดย ทุนทรัพย์่ส่วนตัวของยิวรวยๆ ซึ่งมักเป็นนักอุตสาหกรรมที่โด่งดัง  ทำไมถึงรู้ว่าเป็นโรงพยาบาลของยิว ก็ดูีที่ชื่อซิครับ  เขาจะใช้ชื่อที่ดูปั๊บก็รุ้ว่าเกี่ยวข้องกับยิวเขา หรือบางแห่งเรียกตรงๆ เลย ไม่ต้องเดา เช่น Jewish หรือ Israel Hospital  ถ้าโรงพยาบาลไหนขาดหมอยิวประจำอยู่ แสดงว่าโรงพยาบาลนั้นอาจมีขนาดเล็กมาก หรือเป็นของชนกลุ่มน้อยจริงๆ จนหมอยิวเขาไม่สนใจมาทำงานด้วย

          พวกคนฝรั่งเขาถามกันมาเรื่อย ทำไมหมอยิวถึงเก่ง และมีจำนวนมากด้วย  สาเหตุก็มีหลายอย่างด้วยกัน คือ พวกยิวชอบและส่งเสริมการศึกษามาก  และแต่ละครอบครัวจะแข่งกันเหลือเกิน ที่จะให้ลูกหลานได้เรียนให้สูงที่สุด และทำเงินให้ได้มากด้วย โดยไม่ต้องมีทุนรอนมากแต่แรก  คนที่มีชื่อเสียงมากในสังคมยิว คือ แรบไบ (Rabbi) สมณะสอนศาสนา  ต่อมาคือ หมอ  สมัยกลางในยุโรป พวกยิวถูกกีดกันทางด้านศาสนาและอาชีพ อาชีพใหญ่ๆ ที่อยู่ในวรรณะของชาวยุโรป เขาไม่ให้คนยิวทำ เช่น วรรณะนักรบ สมณะ และชาวนา เขาถือว่าเป็นคริสเตียนที่ดี  ที่เหลือจากนั้น เขาถือว่าเป็นกรรมาชีพชั้นต่ำ เช่น พ่อค้า พวกทำงานช่างทั้งหลาย ช่างทอง ช่างเย็บ รวมทั้งหมอด้วย  เขาถือว่าพวกนี้ไม่มีชั้นวรรณะ  พวกนี้ตายแล้วจะไม่มีการไถ่โทษ (Redemption) ในวัน Last judgement ต่อหน้าพระเยซู ไม่เหมือนพวกชาวคริสต์ทั้งหลาย ถ้าถ่ายบาปแล้วก็ได้ขึ้นสวรรค์ทุกคน  เพราะยิวไม่นับถือพระเยซู ตอนตายก็มีแต่จะตกนรกท่าเดียว เพราะไม่รู้จักถ่ายบาป ทั้งตอนมีชีวิตอยู่ และคงไม่ได้อภัยในบาปของพวกนี้ตอน Last judgement

            ชาวคริสต์คาธอลิคสมัยกลาง เมื่อไปหาหมอของตัวเองก็ต้องรักษาตามที่พระหรือที่องค์โป๊ปทางกรุงโรม สอนว่าถูกต้องตามพระ ประสงค์ของพระเจ้าเท่านั้น การเกิดโรคก็เพราะพระเจ้าอยากให้เกิดแก่บุคคลนั้นๆ เป็นการดัดสันดานหรือลงโทษ หรือไม่ก็อาจถูกปีศาจเข้าสิง วิธีการเก็บรักษาก็คือต้องไล่ผีปีศาจ สวดมนต์ อ้อนวอนต่อพระเจ้าและสารภาพความบาปของตัวเองไว้มากๆ หรือไม่ก็ทำการลงโทษ ตัวเองเป็น การถ่ายบาป เช่น เอาแส้ฟาดตัวเองหรือเอามีดกรีดตัวเอง หรือเอาเข็มแทงตัวเอง ทำมากๆ เข้าไว้จนพระเจ้าสงสารก็ อาจจะ หายจากโรค หรือตายไปเลย หรือไม่ก็ไปหาหมอเถื่อน ก็พวกชาวบ้านนั่นเองแหละ โดยอ้างตัวว่ารักษาได้ทุกโรค เช่น น้ำมันงู ใช้รักษาโรค ได้ทุกอย่าง พวกช่างตัดผมก็ทำการผ่าตัด ผ่าผีได้ ผู้หญิงเสิร์ฟก็ทำคลอดได้ รักษาโรคทางผู้หญิงได้  พวกหมอเล่นปาหี่ก็รักษา โรค ได้ทุกอย่างเหมือนกัน

            พวกมีเงินมากหน่อย หรือพวกขุนนาง หรือพระ ที่ยังกลัวตาย เพราะยังมีกิเลสหนาอยู่ แม้ทำการสวด มนต์ไล่ปีศาจก็ยังไม่หาย ก็ไปหาหมอยิว เพราะเขาถือว่า พวกนี้เป็นพวกจะต้องตกนรกอยู่แล้ว เพราะไม่นับถือพระเยซู และไม่สารภาพบาปต่อพระเยซู แถมรักษา โรคด้วยวิธีแปลกๆ ผิดแผกแตกต่างจากที่สอนสั่งจากพระ และต่างจากพวก ชาวบ้าน เขาทำกัน และมักจะได้ผล หายจากโรคเสียด้วย  ชาวคริสต์เลยเหมาเสียว่าพวกหมอยิวนี้เขาอาจจะติดต่อ หรือขายวิญญาณให้แก่ปีศาจถึงได้วิชาแก่กล้านัก แม้พระชั้นผู้ใหญ่เอง เวลาป่วยจริงๆ ก็ยังให้หมอยิวรักษาเลย เช่น โป๊ปมีหมอประจำราชสำนักเป็นหมอยิวก็หลายองค์ด้วยกัน

            ด้วยชนชาติยิวนี่เป็นชนชาติที่ไม่มีประเทศของตัวเอง คือ เสียชาติของตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ตอนโบราณต้นๆ เมื่อสูญเสีย ประเทศแก่ชาวบาบิโลน ก็ติดตามขาวบาบิโลน ต่อมาก็ตามพวกชาวกรีก แล้วต่อมาก็ชาวโรมัน ไปเป็น คนงานหรือเป็นทาส ก็กระจัด กระจายไปอยู่รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยเฉพาะเอเชียไมเนอร์ เช่น ซีเรีย เปอร์เซีย อีรัก กรีซ เมื่ออยู่ก็ขยันหัดเรียนภาษาของเขา เมื่อเก่งทางภาษาก็เข้าค้นหาหนังสืออ่าน ทำให้ฉลาดขึ้น เจ้านายเขา ก็ให้ทำงานที่ดีขึ้น เช่นทำงานด้านหนังสือ ด้านเงินทอง และบัญชี มีโอกาสอ่านหนังสือต่างๆ ที่เก็บสะสมให้ห้อง สมุดประเทศนั้น ซึ่งเขาก็ไม่หวงด้วย ซึ่งต่อมาพวกนี้ก็ถ่ายถอนตัวเองจากทาสเป็นยิวเสรี หรือเจ้านายรักใคร่ก็ปล่อย ตัวให้เป็นไท และอาจติดตามเจ้านายไปทางเรือค้าขายไปด้วย เพราะเข้าใจในเรื่องเงินทองและบัญชีดีกว่าเพื่อน

            ต่อมาเมื่อถึงสมัยยุคมืด คือศาสนาโรมันคาธอริค เข้าครองชีวิตทุกชีวิตในยุโรป หนังสือของต่าง ชาติที่ไม่นับถือศาสนาคริสต์ ก็ถือว่านอกรีต ถูกเผาหรือทำลายหมด ถือว่าอ่านแล้วไม่ได้ทำให้เข้าถึงพระเจ้า แต่ขณะเดียวกันทางด้านเอเชียตะวันตก ซึ่งปกครอง โดยชาวอิสลาม เขาก็ยังเก็บรักษาหนังสือดีๆ พวกนี้ไว้ โดยเฉพาะหนังสือที่ตกทอดจากนักปราชญ์โบราณของกรีก แล้วให้แปลเป็น ภาษาอาหรับเสีย พวกยิวก็เอา มา แปลเป็นภาษายิวต่ออีกที และรวมทั้งหนังสือที่เกี่ยวกับการรักษาโรค ทั้งโบราณและที่ค้น พบใหม่จาก ประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศจีน อินเดีย ที่ทำการค้าถึงกัน ตัวอย่างในประเทศอิรักนั้น การรักษาเขาทันสมัยมาก ขนาด มีโรงพยาบาลให้คน ไข้นอนรักษาได้ด้วย โรงพยาบาลของเขามีห้องที่มีเสงแดดเข้าถึงได้ อากาศปลอดโปร่ง อาหารก็เหมือนของยิว ที่เรียกว่า Kosher มีอนามัย และแยกคนไข้ที่อาจแพร่เชื้อออกต่างหากอีกด้วย

            ชาวยิวที่ตกอยู่ในกรุงโรม สมัยเมื่อชาวโรมันไปรบชนะยิวก็กวาดเอาพวกยิวที่ฉลาดเข้ามาอยู่ในกรุงโรมด้วย  พวกยิวพวกนี้อาจ ติดต่อกัยชาวยิวทางตะวันออก เนื่องจากติดต่อค้าขายกัน ก็ได้หนังสือภาษาอาหรับแปล เป็น ยิวกลับมาด้วยทางเรือ ตอนสมัยมืด เมื่อโรมและคริสต์จักรทั้งยุโรปมีการเผาหนังสือนอกรีต หนังสือภาษายิวไม่ถูกเผา ไปด้วยก็เพราะเขายกเว้นให้  เพราะเขาถือว่าพวกยิวเป็นพวก ที่ติดต่อกับปีศาจ ไม่อาจจะเทศนาให้เปลี่ยน ศาสนาให้เป็นคริสต์ได้ ก็ปล่อยไปเถิด ให้พวกนี้อยู่แบบนรกต่อไป แต่ให้พวกมันทำงาน ที่ชาวคริสต์ไม่ต้องการทำ พวกยิวก็เลยได้รักษาหนังสือดีๆ พวกนี้ไว้เป็นภาษายิว

            ด้วยคัมภีร์ของยิวนั้นมีอยู่สองเล่ม คือ Old Testament ซึ่งพวกเราก็รู้กันอยู่ส่วนมากแล้ว ไม่อยากอธิบายมาก ส่วนอีกคัมภีร์หรือหนังสือที่เรียกว่า Talmud เป็นแบบอรรถาธิบาย ในหนังสือเล่มนี้จะพูดถืงกฏหมายของโมเซส การนับถือพระเจ้า และหลักการของการกินอยู่ อาหารที่ควรกินหรือไม่ควรกิน การอยู่ร่วมกัน เรื่องของผัวเมีย การกู้ยืมเงิน การรักษาโรคต่างๆ การป้องกัน แม้กระทั่งการทำสนัดในเด็กที่เกิดมาแปดวัน  การสังเกตุเลือดออกหลังผ่าตัดทำสนัด โรคบางอย่างที่สืบทอดทางกรรมพันธุ์ในคนยิวด้วยกัน  ความรู้พวกอธิบายพวกนี้ ซึ่งได้จากผู้สอนศาสนารุ่นก่อนๆ ได้รวบรวมเอาไว้อย่างละเอียด  ส่วนอีกตำราหนึ่งเป็นผ้าหนังหรือหนังสัตว์ที่ทำม้วนเอาไว้ แบกใส่ไหล่ได้ เอาไว้สวดในโบสถ์ยิว ซินเนอร์-กอก เรียกว่า Torah อาจจะเรียกว่าโบสถ์เคลื่อนที่ ซึ่งเอาไว้อ่านหรือสวด รวม ถึงเรื่องของพระเจ้า และหลักการทั่วๆ ไป แบบกว้างๆ ไปไหนก็กางออก แม้จะไม่มีโบสถ์อย่างตอนอพยพ อ่านสวดได้เลย เท่ากับอยู่ต่อหน้าพระเจ้าของเขา ซึ่งก็เป็นองค์เดียวกันกับของชาว คริสต์ ที่สำคัญมากที่เกี่ยวกับ การป้องกันโรคแบบทันสมัย ก็เรื่องอาหาร เขาเรียกอาหารที่เตรียมตามหลักอนามัยและสัตว์ที่ถูกต้องห้ามกิน  รวมทั้งห้ามกินเลือดสัตว์ทุกชนิดและวิธีการฆ่าสัตว์โดยไม่ทรมาน ถ้าทำถูกต้องแล้วอาหารแบบนี้เขาเรียกว่า อาหาร Kosher  หลักการแยกผู้ป่วยติดโรคออกจากคนธรรมดา แม้กระทั่งกฏห้ามนอนกับภรรยาเมื่อตอนมีประจำเดือน

            สัญญาข้อหนึ่งที่ชาวยิวทำกับพระเจ้าที่สำคัญคือต้องทำสนัด คือตัดหนังหุ้มเพศชายตอนอายุ 8 วัน ตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว  ส่วนการรักษาโรคนั้น ชาวยิวก็ต้องสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้าเหมือนกัน การใช้กรรมวิธีอื่นในการรักษาตามที่เรียนรู้จากประเทศต่างๆ    พระเจ้าไม่ได้มีข้อห้ามไว้ ชาวยิวจึงสามารถ เรียนและสังเกตเอาจากชาติอื่นได้  กรรมวิธีหรือยาดีๆ ก็จดไว้ หรือแปลจากภาษาอื่นใส่ใน ตำราของเขา นี่แหละขาวคริสต์ถึงหาว่าหมอยิวเรียนรู้จากพวกนอกรีต หรือปีศาจซาตาน และความสำคัญ ความชำนาญ ของหมอยิวก็เลยตกทอดมาถึงสมัยนี้

            หมอยิวที่เก่งในสมัยก่อนโคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกานั้นก็ต้องหมอยิวชาติสเปนและโปรตุเกส เพราะพวกนี้ได้เรียนรู้จากภาษา อาหรับของ แขกมัวร์ ที่ปกครองสเปนอยู่ตอนนั้นเพราะมีหลัก การของ ชาติกรีกโบราณที่สอนให้ใช้การถามอาการโรค การสังเกต การตรวจ สอบ แล้วใช้ยาที่ถูกต้องตามโรคนั้นๆ เหมือนดังการแพทย์ปัจจุบันนี่แหละ  ไม่ใช่ร้อยโรคก็ใช้การรักษาแบบเดียวกันหมด อย่างที่หมอ นวดกระดูก ของอเมริกาเดี๋ยวนี้เขาทำกัน ปวดหู เจ็บตา ปัสสาวะไม่ออก เป็นมะเร็ง ทุกอย่างต้องดัดกระดูกหมด

            หมอคนที่ผมจะเล่าให้ฟังนี่ก็เป็นหมอยิว เกิดในโปรตุเกส อาจเคยไปเรียนที่สเปนมาก่อนก็ได้  แต่ก็ถูกบังคับให้เปลี่ยนศาสนา เป็นนับถือคริสต์ไปเสีย เพราะถ้าไม่เปลี่ยนจะต้องถูกขับออกจากโปรตุเกส ในระยะต่อมาพวกยิวเปลี่ยน เป็นคริสเตียนก็ยังคงถูกขับ ออกนอกประเทศอยู่ดี

            ผู้ที่เป็นส่วนสำคัญในการขับไล่พวกยิว ไม่ว่าจะเปลี่ยนศาสนาไปนับถือคริสต์หรือที่ยังเป็นยิวสดๆ อยู่ และหลวงพ่อ คาธอลิคองค์นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น ชื่อว่า หลวงพ่อ โทมัส เดอร์ทอคีดามา โดยได้รับพระราชทานจาก องค์โป๊ปให้เป็นถึง Inquisitor ของสเปน คือเป็นคนสอบสวนคนทำผิดศาสนา  ตำแหน่งที่มีอำนาจ และน่าเกรง กลัวกันมาก เด็กได้ยินชื่อเท่านั้นก็ปัสสาวะแตกแล้ว  การขับไล่ครั้งนี้ โดยได้รับพระราชโอการจากพระเจ้าเฟอร์ดินันด์  และ พระนางอิซาเบลลา ทั้งๆ ที่ทั้งสองพระองค์นี้ได้มา อภิเษกสมรสกันก็โดย การ ชักจูงของยิวคนหนึ่งชื่อว่า อะบราฮาม ถึงทำให้ประเทศสเปนรวมกันได้ และมีกำลังแข็งแรงพอที่จะขับไล่แขกมัวร์ออกจากประเทศสเปนได้  แล้วก็เป็นประเทศที่ร่ำรวยและมีอำนาจในกาลต่อมา  เพราะค้นพบทวีปอเมริกาโดยโคลัมบัส ด้วยทุนรอนของ พระนางเจ้าอิซาเบลลา  พวกยิวทั้งหมดที่ถูกขับออกจากประเทศสเปน มีจำนวนทั้งหมดร่วม 100,000 คน และต่างก็กระจายอพยพไปทั่วโลก ในปี ค.ศ.1492

            ส่วนครอบครัวของหมอโลเปสเนื่องจากอยู่อีกประเทศหนึ่ง แต่ข้างๆสเปน ความเกลียดยิว และอยากจะขับออกจากประเทศนี้ ก็เพิ่มความรุึนแรงขึ้นตามประเ่ทศสเปนไปด้วย แล้วก็ขับชาวยิวออกจาก ประเทศโปรตุเกสในปีราว ค.ศ. 1550 คือทำทีหลังกว่า สเปนราวๆห้าสิบปี    ดอกเตอร์โรดริเกซ โลเปส ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เปลี่ยนเป็นศาสนาคริสต์และใช้ชื่อแบบสเปน แล้วใน ที่สุดก็พบชะตากรรมเหมือนยิวคนอื่นๆ แต่ได้ไปตั้งรกรากในประเทศอังกฤษเมื่อถูกขับออกจากประเทศโปรตุเกส   ด้วยเป็น หมอยิวที่มีการศึกษามากอยู่ จึงได้เรียนรู้หลายภาษา คือ ดัชท์ อังกฤษ สเปน โปรตูกีส อาหรับ และภาษายิวของชาติกำเนิดตัวเองอีกด้วย ทั้งยังเรียนรู้ถึงวิชาอื่นๆ อีกมากมาย เมื่ออพยพมาอยู่ในประเทศอังกฤษ เขาอยู่ในเมืองขนาดกลาง ไม่ไกลจากลอนดอน ความสามารถมากในอาชีพของเขาทำให้เป็นหมอที่ชาวอังกฤษรักใคร่มาก เพราะดูแลคนไข้ดี รักษาโรคเก่ง เก็บค่ารักษาแต่พอควร

            ด้วยความชานาญทางการรักษาโรค ชื่อเสียงเขาก็ดังจนเข้าพระกรรณของพระนางเจ้าอลิซาเบสที่หนึ่ง จึงได้โปรดประทานให้เป็นหมอหลวงประจำพระองค์  และเนื่องจากหมอโลเปสมีความสามารถทางภาษา ประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ด้วย  บางครั้งพระนางเจ้าอลิซาเบสก็ทรงปรึกษาและขอคำแนะนำจากหมอโลเปสด้วย

          มันเป็นการอันตรายมากที่เป็นคนโปรดของพระนางเจ้าอลิซาเบส  โดยเฉพาะหมอโลเปสเป็นชาวยิว แต่เกิดในโปรตุเกส แล้วไปเรียนในสเปน แล้วยังเปลี่ยนศาสนาเป็นคริสต์  ดูๆ แล้วมันไม่สมประกอบไปสักอย่าง  ทำให้ขุนนางชาวอังกฤษ ในราช สำนักด้วยกันไม่พอใจในตัวเขามาก

            ตอนนั้นเกิดสงความทางเรือระหว่างอังกฤษกับสเปน  แล้วอังกฤษก็สามารถถล่ม กองทัพเรือ ที่เกรียงไกรอาร์มาดาของสเปน ในปี 1588 ในระหว่างนี้ประเทศโปรตุเกสก็ถูกประเทศสเปนยึดครอง  รัชทายาทของโปรตุเกสก็หนีมาหลบภัยอยู่ในประเทศอังกฤษ บรรดา ขุนนางในราชสำนักของพระนางเจ้า อลิซาเบสก็แตกเป็นสองฝ่าย  คือฝ่ายที่จงเกลียดจงชังสเปน ก็อยากให้ราช วงศ์โปรตุเกสได้กลับ ไปกู้ราชบัลลังก์คืนจากสเปน  และก็มีอีกฝ่ายอยากจะผูกมิตรกับสเปน  ส่วนหมอโลเปสนั้นไม่อยากยุ่งอะไรทั้งสิ้น ขอเป็นหมอเฉยๆ  ความซวยก็มาเยือนถึงบ้านจนได้ เมื่อมีขุนนางของสเปนที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน ธรรมดา มาเยี่ยมถึงบ้าน และเสนอเงินทองมากมายให้ ถ้าหมอโลเปสจะร่วมมือวางยาพิษฆ่ารัชทายาทโปรตุเกสที่อยู่ในอังกฤษ  หมอโลเปสได้ปฏิเสธที่จะร่วมมือในการฆาตกรรมครั้งนี้  แต่ก่อนที่สปายชาวสเปนจะจากไปก็ทิ้งของขวัญคือ แหวนเพขรเม็ดโตไว้ให้ โดยที่หมอ โลเปสไม่รู้ตัว  หมอโลเปสก็ได้นำ ความนี้ไป กราบทูลให้พระนางอลิซาเบสทรง ทราบ และถวายแหวนเพชรวงนั้นให้  แต่พระนางก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและไม่ทรงรับแหวนเพชรวงนั้น

          เมื่อข่าวลับของขุนนางสเปนแอบมาเยี่ยมถึงบ้านของหมอโลเปสเข้าหูของขุนนางอังกฤษฝ่ายที่ต้องการจะสถาปนาราชวงศ์โปรตุเกส ก็มีการจับขุนนางสเปนทั้งสองมาสอบสวน โดยการทรมานให้สารภาพ  เพราะทนการทรมานไม่ไหว Spyทั้งสองก็ยอม รับโดย ให้การ เท็จว่าหมอโลเปสรับปากที่จะร่วมมือวางยาพิษ และสารภาพเพื่อเอาใจขุนนางอังกฤษดัวย  ก็เลยแถม บอก ว่าหมอ จะวางยาพิษพระนาง เจ้าอลิซาเบสอีกด้วย

            หมอโลเปสเลยถูกจับในข้อหากบฏ แล้วถูกสอบสวนด้วยการทรมานตามธรรมเนียมของอังกฤษสมัยก่อน  ในห้องทรมานใน London Tower ที่มีชื่อเสียงของกรุงอังกฤษ  ด้วยวัยที่ชราภาพแล้ว หมอโลเปสทนการทรมานไม่ไหว ก็สารภาพภายใต้เครื่องทรมาน

           ขุนนางที่เกลียดชังหมอโลเปสเพราะเป็นหมอยิว และเป็นคนโปรดของพระนางฯ ก็ได้ถวายแนะให้ประหารชีวิต หมอโลเปสเสีย แต่พระนางได้ทรงปฏิเสธโดยไม่อนุมัติ ขุนนาง  ที่มีอำนาจตอนนั้นคือ เออร์ลแห่งเอสเซกส์ ได้หาวิธีการจับย้ายขุนนาง สเปนและหมอ โลเปสไปที่ถิ่นมณฑลของตน เพื่อที่จะใข้กฏหมายของท้องถิ่นเกี่ยวกับ การจัดการกับอาชญากรธรรมดาที่ไม่เกี่ยวกับประเทศชาติและขุนนาง ฉะนั้น พระนางฯ ไม่ทรงมีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวดัวย ตามกฏหมาย เมื่อจ้ดการเรื่องคำสารภาพโดยการทรมานใหม่อีกครั้งแล้ว ก็ทำการประหาร โดยที่พระนางฯ ไม่มีสิทธิ์ที่จะห้ามได้เลย  หลักการประหารโทษร้ายแรงอย่างนี้เขาเรียกว่า แขวนคอลาก ตัดเครื่องเพศ แหวะท้อง แล้วก็แยกสี่ส่วนโดยม้าสี่ตัว (Hang Drawn and Quartered)  ถ้าอยากรู้ว่าทำยังไงก็ไปเช่าหนังเรื่อง The Brave Heart มาดู  ตอนเขาฆ่าพระเอกชาวสก๊อตนั่นแหละ

            พระนางอลิซาเบสทรงโทมนัสโศกเศร้าต่อการสูญเสียหมอโลเปสอย่างยิ่ง  ด้วยพระเมตตาสงสารในความ จงรักภักดีของหมอโลเปส แม้จะเป็นชาวยิว  พระนางทรงเป็นองค์อุปถัมภกต่อภรรยาและบุตรสี่คนของหมอโลเปส  โดยได้ทรงส่งเสียเลี้ยงดูอย่างดีจน ได้รับการศึกษาชั้นสูงทุกคน

 

 

 

                                           ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                                                Copyright 2004 Chulalongkorn University Alumni Association of California