สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ในเครือสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

                             ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

 

         

                    Common Cold and Influenza

.                                                                                   ตอนที่ 3

                                                                                                          น.พ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช

 

ไวรัสนก-ไก่  Lethal H5N1

ผมเขียนไว้ว่าไข้หวัดใหญ่มนุษย์มีแค่ Type H1-H3  ทีนี้ในนกมีตัว H5 ซึ่งไม่เคยทำให้มนุษย์เป็นโรคได้ เพราะเซลล์ของเราไม่มีส่วนไหนที่ไวรัสตัวนี้จะเจาะเข้าไปทำลายมันได้ คือไม่มี Receptor รีเซปเตอร์ (รีเซ๊ปเตอร์ เปรียบไปก็เหมือนรูหรือจุดอ่อนสำหรับที่เชื้อนั้น ๆ จะเกาะติดแล้วละลายเข้าไปในเซลล์ได้) แล้วอยู่ ๆ ก็มีคนเป็นไข้หวัดใหญ่นกนี้ถึง 232 คน แล้วก็ตายไปแล้ว 134 คน ในปี 2006 เท่ากับคนที่เป็นมีโอกาสตายได้ 50% ไม่มียารักษา

            

ตอนนี้ไข้หวัดนกในนกจริง ๆ แพร่หลายไปเกือบทั่วโลกแล้ว เพราะมันบินไปไหนก็ได้ เรียกว่าการเคลื่อนย้าย Migrations

การที่คนเป็นไข้หวัดนก ก็เพราะไปถูกเนื้อต้องตัว ถูกขี้ น้ำมูกน้ำลายมันโดยตรง ถึงเป็นโรคหวัดนี้ได้  แต่คนที่เป็นจะไปแพร่เชื้อไปที่คนใกล้เคียงไม่ได้ แต่การกินเนื้อไก่ที่สุกแล้วไม่เป็นโรค

คนที่ติดไข้หวัดนกจะตายเร็ว เหมือนกับคนที่เป็นโรคไข้หวัด สเปนนิช อย่างนั้นแหละ มันทำลายเยื่อปอดรวดเร็วและเข้าถึงเยื่อของถุงลมหรือท่อหายใจลึก และทำให้น้ำในถุงลมหายใจ Alveoli ถูกท่วม  ร่างกายซ่อมแซมยากมาก โอกาสตาย ห้าสิบเปอร์เซนต์

แล้วต่อมาก็มีการตายของเสือโคร่งที่เมืองไทยอีก สามสิบกว่าตัว ทั้ง ๆ ที่เสือและมนุษย์เป็นสัตว์ดูดนมและพันธุ์ใกล้ชิดกับมนุษย์มากกว่านก และก็ไม่มี Receptor ตัวเปิดให้เกิดโรค แล้วมันจะตายจากสัตว์นกได้อย่างไร

ตอนหลังเขาได้เค้าว่าเพราะมันกินเนื้อไก่สด(ที่เป็นโรค)ที่สวนสัตว์เขาให้ เลยตายจากการกินนั่นเอง การลามของโรคชักแปลกมากขึ้น เราก็ได้แต่ภาวนาให้พระหรือไหว้เจ้า ว่าอย่าให้เกิดมีเชื้อไข้หวัดใหญ่ ปนหรือบวกพันธุ์ไข้หวัดนก-ไก่เข้าไปปน

ถ้าเกิดอย่างนั้นจริง การติดก็ง่ายและมาก และตายเร็ว ตอนนั้นคงจะหากินทางขายหีบศพ หรือทำเตาเผาศพ คงได้เงินดี

เพราะเราไม่ได้กำจัดไก่ที่สงสัยให้หมด โดยเฉพาะเมืองไทย มีข้อยกเว้นอยู่เสมอ เช่นนายคาราบาวขึ้นมาต่อต้านฆ่าไก่ชน  เราก็ไม่รู้ว่าหยุดหวัดนกได้อย่างไร  ก็ได้แต่ไหว้-กราบ กับท่านนายก และรัฐมนตรีที่น่ารัก และหน้าตาซื่อ ๆ ทั้งหลาย หลาย ๆ ท่านที่จะผ่านเข้ามาให้พยายามกำจัดไข้หวัดใหญ่นก ให้หมดไปจากประเทศโดยไม่เห็นแก่หน้าใคร หรือ บริษัท ซีพี   เช่นที่เกิดในปี 1997 & 2003 ต้องใจแข็งทำเหมือนที่เกาะฮ่องกงเขาทำกันกำจัดหมด

ก่อนที่ประชากรของไทยจะหลงเหลือให้ดูเล่นอยู่ไม่กี่คน ในสวนสัตว์ทั่วโลก เพราะตายจากไข้หวัดนก เพราะเป็นสัตว์มนุษย์คนไทยที่เหลืออยู่ ที่พูดนี่ไม่ได้ซี่ซั้วด่า

                  

โหราจารย์ทางวิทยากรแพร่เชื้อเขาพยากรณ์ไว้ดังนี้ว่า

1. ความน่ากลัวของไข้หวัดนกเพราะเกิดจากโปรตีนสองสามอย่างมารวมกันจนกลายเป็นพันธุ์ที่อันตราย และมันก็อาจเปลี่ยนหรือเพิ่มโปรตีนอื่นเข้าอีก แล้วก็กระจายง่ายได้ ซึ่งตอนนี้เห็นได้จากนกอีกหลาย ๆ พันธุ์ที่ย้ายถิ่นจากแถบเมืองหนาวก็เป็นโรคนี้ได้ แล้วก็ไปแพร่ที่ยุโรป อเมริกาแล้ว

2. เกิดพันธุ์กลาย เป็นแบบจากนก สู่มนุษย์ แล้วจากมนุษย์แพร่สู่มนุษย์กันเอง

3. ไข้หวัดนก H5-N1เกิดมาผสมพันธุ์กับ Human Flu ที่ติดต่อระหว่างคนต่อคนและกรรมวิธีของแพร่กระ จายโรคแบบของมนุษย์ หลังจากนี้พวกที่ไม่ตายอาจมีที่ทำมาหากินกันได้ง่ายขึ้น

ยาที่จะป้องกันหรือวัคซีน สำหรับ H5N1 ก็ยังไม่มีประสิทธิภาพ ยาที่พอรักษาประทังก็อย่างเดียวกับไข้หวัดใหญ่ในคน และยาปฏิชีวนะเท่านั้น

มนุษย์นี่อย่าผยองมากนัก ธรรมชาติย่อมมีวิธีกำจัดเราได้ ด้วย โรค สงคราม และภัยพิบัติของธรรมชาติ อีกหน่อยเราก็ต้องสู้รบกันเองเพราะขาดน้ำมัน ขยะล้นโลก สารเคมีที่เป็นพิษ ทะเลทรายและดินโคลนขยายตัวกว้างออก ไม่มีที่เพาะปลูก อากาศร้อน และน้ำท่วมบ่อย ตอนนั้นผมก็ตายไปแล้ว ให้พวกนักการเมืองหนุ่ม ๆ มันดูแลกันเองหรือฆ่ากันเองก็แล้วกัน สำหรับในเมืองไทย จะอาศัยนักการเมืองและข้าราชการช่วยเหลือคงไม่ได้แน่

 

               กลับไป ตอนที่ 2

                                                                          

                                                          กลับไป มุมนักอ่าน พบ นักเขียน    

    

หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us             

                                                       

                     ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                          Copyright 2008 Chulalongkorn University Alumni Association of California