สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ในเครือสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

                             ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

 

         

                                     หลวงจีน

                                                                     ตอนที่ 16

                                                                                                          น.พ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช

จิ้นสีฮ่องเต้

          เมื่อฉินซี่ฮ่องเต้กำจัดรัฐทั้งหกเรียบร้อยแล้ว ก็กำจัดเหล่าเจ้าครองรัฐทั้งหลายให้หมดสิ้นไปคือเอาไปตัดหัวเสียเยอะ ส่วนที่กำจัดไม่ได้ก็ให้เอาครอบครัวหรือลูกหลานมาอยู่ที่เมืองหลวงเป็นตัวประกัน

โฉมหน้าใหม่ของการปกครอง

หัวเมืองที่เคยปกครองโดยเจ้าขุนมูลนายก็ให้คนธรรมดาที่มีความรู้ ให้รับการอบรมแล้วแต่งตั้งให้ไปปกครองแทน โดยส่งไปยังโรงเรียนสอนการปกครองก่อนไปปกครองตามถิ่นต่าง ๆ แล้วให้สับโยกย้ายกันไป ไม่ให้มีอำนาจอยู่ที่ท้องถิ่น แบบกินเมือง ส่วนข้าราชการก็จะแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม คือกลุ่ม แรก บริหารราชการฝ่ายพลเรือน

กลุ่มที่สองควบคุมราชการทางทหาร ไม่ได้ให้นายร้อย จปร รุ่น 10 รุ่นเดียวเท่านั้นและพี่น้อง ทั้งเขย รวบหัวราบหาง คุมทุกหน่วยทัพ ต้องเรียกว่ากองทัพ ชินวัต สำหรับปกป้องนายก ทักษิณ ครอบครัวและพรรคพวก

กลุ่มที่สามเป็นกรมราชเลขา ควบคุมขุนนางทั้งหลายอีกที และดูแลกิจการความปลอดภัย และกิจการภายในของราชวังหลวง ก็เหมือนนายหน้าที่เรียกว่ารองนายกทั้งหลายหรือโฆษกที่ประจำสำนักนายกและที่ปรึกษาของชินคอร์ป และมีทหารสองพันคนที่คอยปกป้องนายกทักษิณ เป็นการส่วนตัว

          การจัดการปกครองระบบใหม่นี้ มันก็ต้องมีการคมนาคมแบบรวดเร็ว ทันสมัย แต่คงไม่ถึงขั้นใช้ดาวเทียมอย่างของนายทักษิณอย่างนั้น เพราะการสื่อสารต่าง ๆ ของราชการ และทหารต้องผ่านดาวเทียมของทักษิณไปเสียทุกอย่าง จะผ่านดาวอื่นก็ไม่ได้ เพราะนายทักษิณไม่ให้ยิงขึ้นฟ้าไปแข่งกับของบริษัทเขาแล้วทีนี้เขาเอาไปขายให้สิงคโปร์ ทหารหรือราชการทั้งหลายที่ต้องสื่อติดต่อกันก็คงไม่ลับสำหรับสิงคโปร์ เพราะคุมดาวเทียมของไทยทุกลูกอยู่

          พระเจ้าจิ้นสีฮ่องเต้แบ่งประเทศเป็นมณฑลใหญ่ ๆ ไว้ 36 มณฑล(ตอนหลังเป็น 41)

แต่สู้ของไทยไม่ได้ นายกทักษิณ ได้แบ่งประเทศไทยออกเป็นสามมณฑลใหญ่ ๆ เป็นแค่สาม คือมีเป็นมณฑลเอก ได้แก่มณฑลที่เลือกไทยรักไทยเป็นรัฐบาลโดยมากจะเป็นทางภาคเหนือและอีสานที่นายกเก่า ชวลิต ยงใจยุทธเคยครองอยู่ มณฑลโท คือมณฑลที่ไม่ได้เลือกไทยรักไทย มักจะเป็นทางภาคกลางและภาคใต้ ส่วนมณฑลที่สามนั้น ต้องเรียกว่ามณฑลตรี มีแค่สามจังหวัดทางภาคใต้ที่มีชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ ต้องอยู่ในกฎอัยการศึก จะอยู่หรือตายไม่เกี่ยวข้องกับนายก ปราบมันท่าเดียว เพราะส่วนมากชาวบ้านจะเป็นพวกโจรกระจอกเสียส่วนใหญ่ พวกนี้ชอบก่อเรื่อง เลยเอาทหารตำรวจปราบมัน แล้วเอาเงินบาทพับเป็นนกยางไปโปรยจากเครื่องบิน พอจะเอาไปซื้อข้าวกินไปวัน ๆ  เรื่องก็จะเงียบสงบไปเอง

การคมนาคมและชลประทาน   

แม้จะไม่ทันสมัยเท่า แต่เอาเป็นถนนชั้นเอก ให้กว้างพอให้รถเทียมม้าสองคันสวนกันได้ คือราว ๆ 15 เมตรให้ติดต่อจากเมืองหลวงไปถึงรัฐ มณฑลต่าง ๆ วัตถุประสงค์ก็คือสามารถเคลื่อนทัพไปปราบปรามหัวเมืองที่แข็งข้อได้รวดเร็วทันการ เลยทำให้การติดต่อคมนาคมในประเทศง่ายดายและรวดเร็ว

รูปที่ 1 : หลักบรอนซ์ที่สลักกฎหมายของประเทศให้ไว้ประจำทุกมณฑล

แน่นอนการก่อสร้างก็ต้องใช้กำลังคนที่ถูกเกณฑ์กันมา จำนวนมากมาย ของแต่ละมณฑล รวมทั้งมีม้าสื่อสารโดยใช้ม้าเร็ว อย่าง Pony Express ของอเมริกาเลยละ นี่เป็นกรรมวิธีที่คนจีนสมัยต่อมาบำรุงใช้บริการมาตลอด ด้วยมีถนนที่กว้างขวางและสะดวกนี้ ท่านฮ่องเต้ก็ขยันออกดูแลเมืองต่าง ๆโดยใช้ถนนพวกนี้ ถนนสายแรกที่ฮ่องแต้ต้องผ่านไปคือไปถึงภูเขา ไทซาน เพื่อไปกราบไหว้พระเจ้าเงกเซี่ยงอ่องเต้ บนสรวงสวรรค์ จักรพรรดิ์องค์นี้ไม่ชอบเรื่องเซกส์เท่าไหร่ เลยมีเวลาออกสำรวจประเทศได้บ่อย

การขุดลอกคลองต่าง ๆ เพื่อให้ทางน้ำไหนเทได้สะดวก นอกจากใช้ในการชลประทานแล้วยังเป็นทางน้ำที่ลำเลียงขนส่งเสบียงได้สะดวก และเป็นการป้องกันน้ำท่วมอยู่บ่อย ๆ จากภัยธรรมชาติ เลยเป็นการเพิ่มพูนผลผลิตได้มากขึ้น

สมัยสงครามร้อยกว่ารัฐนั้น เขาใช้น้ำท่วมฆ่ากัน เพราะรัฐต่าง ๆ พวกนี้อยู่รอบ ๆ แม่น้ำฮวงหอ หรือเรียกว่าแม่น้ำวิปโยค บางแห่งน้ำก็ตื้น พอจะกั้นทำนบเปลี่ยนทางน้ำให้ไหลไปทางอื่น ทำให้รัฐศัตรูที่อยู่ใต้น้ำลงไปต้องขาดน้ำในการทำไร่ทำนา ต้องอดอยากยากจน รัฐที่กันน้ำเอาไว้ก็บุกรุกเข้ามายึดเอาบ้านเอาเมืองไป หรือไม่ก็กั้นน้ำโดยการทำเป็นทำนบ เมื่อทหารศัตรูผ่านมาก็ปล่อยน้ำท่วมตายกันมากมาย เหมือนเรื่องสามก๊กที่ขงเบ้งทำเลียนแบบมาจากครั้งโบราณ จิ้นนซีฮ่องเต้ก็พยายามทำลายลื้อถอนเครื่องกั้นอันตรายพวกนี้แต่กั้นให้เป็นประโยชน์ในการหล่อเลี้ยงทุ่งนา มีการขุดสันดอนให้น้ำไหลได้สะดวก กันการน้ำท่วมและแก้ปัญหาขาดน้ำ แถมเป็นคมนาคมทางน้ำที่เป็นประโยชน์

         สาเหตุของน้ำท่วมจากธรรมชาติของแม่น้ำสายนี้ เพราะว่าตอนกลาง ๆ มันจะวกขึ้นไปทางเหนือมาก ๆ เกือบเข้าเขตโมงโกเลีย ตอนหน้าหนาวมาก ๆ แม่น้ำส่วนที่อยู่ทางเหนือจะแข็งตัวเป็นน้ำแข็งไปเสียหมด เพราะความตื้นเขิน น้ำจากทางตะวันก็ไหลไม่ได้ น้ำก็บ่าเข้าทุ่งราบที่  ๆ ชาวนาปลูกเข้าทำไร่กัน เป็นอยู่อย่างนี้ชั่วนาตาปี

        รูปที่ 2 : รูปของตัวอักษรต่างๆ กันที่ใช้กันในเจ็ดรัฐ ได้ถูกบังคับให้เปลี่ยนเป็นแบบของรัฐจิ้น ดังรูปร่างที่เขียนอยู่ทางด้านบน

ไทยเราแต่ดั้งเดิม ก็ทำแบบนี้โดยเกณฑ์แรงงานชาวบ้านมาขุดลอกคลอง เพื่อการชลประทาน แล้วทุกบ้านก็ได้ใช้น้ำจากแม่น้ำลำคลองฟรี จากนั้นเราก็มีการสร้างเขื่อน เพื่อควบคุมระดับน้ำ กันน้ำท่วม ระบายน้ำให้ตอนหน้าแล้ง จะได้ทำนากันทั่วถึงทุกฤดู แล้วยังใช้เป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า แต่นายกทักษิณบอกว่าขืนให้คนไทยทำงานเหล่านี้ประเทศจะไม่รุ่งเรือง เพราะคนไทยมันไม่มีระเบียบ(ไม่น่าดูถูกคนไทยเลย อ้ายหลานจีนแคะ) จำจะต้องเอาโครงการเหล่านี้ตัดขายเป็นหุ้น แล้วชวนต่างประเทศมาซื้อ เช่นพวกสิงคโปร์มาดูแล โดยขายเป็นหุ้นให้เขาเสีย (ลูกหลานลีกวนยูเขาเก่ง เพราะนายกวนยู มันเป็นคนแคะด้วยกัน มันเคยส่งเสียให้นายกทักษิณไปเรียนเมืองนอกจนได้เป็นดอกเตอร์ทางวิชาอาชญากรรมศาสตร์ เรียกว่าพ่อเขามีบุญคุณก็ต้องชดใช้) มาบริหารแทน

ต่อไปนี้ ชาวไร่ ชาวนาไทย จะทำนาดีขึ้น พลังงานไฟฟ้าก็จะผลิตได้มากขึ้น แต่ว่า แต่ละชาวบ้านก็ต้องจ่ายค่าบริการนิดหน่อย และค่าไฟฟ้าก็ขึ้นอีกนิดหน่อย ไม่มากเท่าหนวดกุ้งหลอก เชื่อนายทักษิณซี่ครับ ไม่เคยหลอกใครในชาตินี้อยู่แล้ว จากนี้ชาวไทยก็จะรวยเอา ๆ ในสามปี เชื่อนายกเขาซี่ (เพราะโกหกและคุยโม้ แล้วลืมในวันรุ่งขึ้น เขาเรียกว่า Chronic habitual liar อันเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งอย่างที่หมอโรคจิตที่เมืองไทยเขาวิเคราะห์กัน)

ไหน ๆ ก็พูดเรื่องโรคแล้ว โรคจิตชนิดนี้อาจเกิดจากโรคของสมอง เช่นพวกติดเหล้า พวกเป็นซิฟิลิสขึ้นสมอง พวกเคยเป็นโรคติดเชื้อสมองจากไวรัส ก็พวกเป็นโรคเอดส์นั่นแหละ นอกนี้ พวกที่ติดโกหกเป็นสันดาร ชอบโกหกและคุยโม้แหลก เช่นเขาเคยคุยว่าภายในสามเดือนจะแก้การติดขัดของจราจรภายในกรุงเทพ ฯ สมัยเป็นรองนายก ยุคนายกชวลิตนั่น

การป้องกันภัยจากต่างประเทศ

สร้างกำแพงเมืองจีนนี่ก็ถูกเขาด่า สาปแช่งไม่มีดี แต่หารู้ไม่ การมีกำแพงที่แข็งแรงนั้นเป็นการป้องกันการรบนิด รบหน่อยกับพวกฮวนนอกกำแพงเมืองจีนที่เรียกว่า เผ่าซินหนู ซึ่งเกิดขึ้นบ่อย ๆ จนประชาชนไม่ต้องทำมาหากินคอยหลบแต่การบุกรุกของพวกฮวนตลอดเวลา ชาวนาก็ต้องถูกเรียกเกณฑ์เป็นทหารไปสู่รบตลอดเวลา น่าสงสารจริง ๆ นอกจากการสู้รบรัฐต่อรัฐ ยังต้องรบกับพวกฮวนนอกด่านอีกด้วย ชีวิตช่างอยู่กับคมมีดคมดาบตลอดเวลา หรือไม่ก็ถูกจับไปเป็นทาสเชลยศึก

การเสียกำลังคนบางส่วน(หลายล้าน) ในการสร้างกำแพงก็ยังประหยัดชีวิตของประชากรมากมาย พอหมดงานหรือแก่ยังมีทางกลับบ้านได้ ระหว่างงานยังมีอาหารกินพอสมควร มีเครื่องนุ่มห่มกันหนาวอย่างดี อย่าไปเชื่อหนังสือที่แต่งโดยนักปราชญ์ลูกศิษย์ของขงจื๊อด่าเอาไว้ ทำไมหรือครับ เพราะ จิ้นซี่ฮ่องเต้เป็นนักการทหารที่ชอบขลุกอยู่กับทหารของตัวเองตลอดเวลาที่มีสงครามกับพวกรัฐอื่น ย่อมรู้ดีว่าการเดินทหารหรือการทำงาน คนงานหรือทหารจะต้องท้องอิ่ม มีเครื่องนุ่งห่มที่อบอุ่น มีการพักที่สมควร ไม่งั้นก็มีแต่คนป่วยและอ่อนแอ ไม่มีเรี่ยวแรงจะทำงาน แล้วกำแพงเมื่อไหร่ถึงจะสร้างเสร็จ

แท้จริงแล้วกำแพงเมืองจีนนั้น รัฐสงครามต่าง ๆ เขาสร้างไว้ก่อนแล้ว เป็นช่วง ๆ แต่จิ้นนซีฮ่องเต้มาสร้างต่อเติมอีก แล้วก็ยังไม่เสร็จอยู่ดี ราชวงศ์ฉินก็ล่มสลาย จนราชวงศ์สมัยต่อ ๆ มาสร้างเพิ่มเติมอีก และก็ไม่เคยเสร็จสมบูรณ์สักที ถ้าการสร้างกำแพงจีนไม่มีประโยชน์ ราชวงศ์ต่อ ๆ มาคงจะไม่มาสร้างต่อเติมหาวิมานอะไรกัน  

 

                กลับไป ตอนที่ 15

                                                                                                                                     

   หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us             

                                                       

                     ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                          Copyright 2005 Chulalongkorn University Alumni Association of California