สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ในเครือสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

                             ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

 

         

                                     หลวงจีน

                                                                     ตอนที่ 15

                                                                                                          น.พ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้

ใช้ได้ทีเดียว ที่พูดประโยคอวยพรข้างต้นต่อพูดอื่น ในวันปีใหม่ของจีน แปลว่าปีใหม่นี้จงมีความสุข และราบรื่นไปเสียทุกอย่าง และจงร่ำรวย ใช่ซี่ครับ เรื่องเงินทองนี้มันมาก่อนทุกอย่างในความคิดของคนจีน ซึ่งนายกไทย พ.ต.ท. ทักษิณ ก็มีความคิดเช่นเดียวกัน ถือว่าสำคัญที่สุด นั่นคือ เงิน เงิน เงิน

แล้วผู้รับคำอวยพรนี้ก็จะตอบว่า ยี่เกตั้งตั๊ง แปลว่า Same to you (พยายามจำว่า ยี่เกเขาตั้งเต๊น จะจำง่ายขึ้น)

วันที่ 29 เดือนนี้ก็จะเป็นปีตรุษจีน ปีนี้ต้องเรียกว่าปีหมา หมา ปีจอ เป็นปีที่ 4703 ของการเริ่มต้นปฐม กษัตริย์และราชวงศ์ของประเทศจีน ผมก็ไม่แน่ใจว่าองค์ไหน แต่คิดว่าคงเป็นองค์ หวงตี้ กษัตริย์เหลือง เพราะเป็นองค์ที่รวบรวมคนฮั้ว หรือ หัว เข้าเป็นกลุ่มก้อน ตอนปี 1451 ก่อน พ.ศ. อยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ หวงเหอ หรือแม่น้ำเหลือง แล้วคนจีนก็เรียกถิ่นนี้ว่า จงกั๊ว หรือ ประเทศที่อยู่ตรงกลาง

การเกิดของประเทศจีนจะเริ่มต้นมาอย่างไรนั้นก็ต้องไปดูในบทความตอนที่ 7 เรื่องหลวงจีน

เมื่อปฐมกษัตริย์ หวงตี้ ตั้งราชวงศ์แรกของจีนที่มีการสืบทอดราชสมบัติกันก็ต้องเรียกว่า ราชวงศ์ เซี่ย แปลว่าราชวงศ์ฤดูร้อน

ราชวงศ์นี้ก็มาสิ้นสุดเอาเมื่อสมัยของ พระเจ้าเจี๋ย องค์สุดท้าย ผู้มักมากในกามคุณ บทความตอนที่ 15

ต่อมาก็เป็นราชวงศ์ เซียง หรือซาง (แล้วแต่คนจีนสำเนียงอะไร ก็มักจะเรียกตามสำเนียงของเขา แต่ผมพยายามใช้สำเนียงจีนกลางมากที่สุด) อยู่ในราว ๆ 1000 ก่อน พ.ศ. จนมาร่มสลายเพราะกษัตริย์ที่มั่วเซกส์และโหดเหี้ยม พระเจ้าโจ้วหวาง กับนางมเหสีถังขี้ หรือตั้นฉี (แต่ผมชอบชื่อถังขี้มากกว่า จำง่ายดี) ซึ่งเป็นปีศาจสุนัขจิ้งจอกพันปีมาเกิด ถึงสวยงามเลิศ ยั่วยวนกวนเซกส์ดี คิดว่าปีที่ราชวงศ์ล่มสลายคงไม่ใช่ปีจอนะครับ ราชวงศ์เซียงนี่ก็ถูกพระเจ้าโจวอู่หวัง ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ โจว ปฏิวัติยึดอำนาจ เพราะการปกครองที่ฟอนเฟะ การศึกของสองราชวงศ์นี้หาอ่านได้ในหนังสือวรรณคดีจีน ชื่อว่า โฮ่งสินปั้น เป็นพงศาวดารซึ่งสงครามครั้งมีทั้งเทพทั้งมารสู้รบกันอุตลุด ก็คงราว ๆ 500 ปีก่อน พุทธศักราช

มันก็อีกนั่นแหละ กษัตริย์องค์สุดท้ายของรชวงศ์ โจว นี่ก็อ่อนแอ และชอบมั่วเซกส์เหมือนกันหมด ด้วยจะเอาใจราชินีชื่อ เปาสื้อ ซึ่งสวยปานเทพอัปสรมาจุติ แต่ไม่ยอมยิ้ม กษัติรย์ชื่อว่า อ๋องโจวโยวหวังถึงกับหาวิธี เผาไฟบนหอคอยส่งควันสัญญาณไฟเตือนภัยยามศัตรูบุก หลอกให้ขุนพลน้อยใหญ่ของแคว้นเล็กแคว้นน้อยส่งกองทัพเข้ามาในกรุง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีศัตรูเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าขบขันมาก เพราะมาถึงที่กรุงแต่ไม่มีศัตรูสักคน นายพลทั้งหลายก็ได้แต่หน้าเลิกลักไปหมด เรื่องขบขันครั้งนี้ เลยทำให้นางหัวเราะออกมาเพราะขำมาก ครั้นต่อมาพอครั้งต่อมาศัตรูชาวฮวนนั้ง เตอร์กยกมาตีเมือง ส่งสัญญาณไฟเตือนภัย ก็ไม่มีใครส่งทหารมาช่วย ด้วยโมโหที่โดนหลอกคราก่อน อ๋องโจวโยวหวังก็ถูกปลงดรพระชนม์ ส่วนนางเปาสื้อก็ถูกขายเป็นทาส เลยเล่นเอาราชวงศ์โจวอ่อนแอลงทันตาเห็น แต่ก็ยังมีเชื้อสายสืบราชวงศ์ต่อ แต่ไม่มีอำนาจทางการเมืองมากเหมือนเดิม และต้องย้ายเมืองหลวงไปทางทิศตะวันออก

หลังจากนั้น เจ้านาย และขุนนางกินเมืองต่าง ๆ ที่เคยขึ้นอยู่กับกษัตริย์ในราชวงศ์โจวก็ต่างตั้งตัวเป็นใหญ่ในแว่นแคว้นที่ตัวเองกินเมืองอยู่ ตั้งตัวเองเป็น อ๋อง มีตั้งแต่อ๋องใหญ่จนถึงอ๋องกระป๋องมากมายเกือบ1500 อ๋องและรัฐ ในที่สุดก็ถูกอ๋องใหญ่อ๋องกลาง ๆ จับกลืนกินจนเหลือเจ็ดรัฐใหญ่ ๆ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดถูกบันทึกลงอย่างละเอียดโดยขงจื๊และลูกศิษย์ และซือหม่าเซียนในสมัยฮั่น หนังสือเรื่อง เลียดก๊ก (ดังรูปที่เห็น ถ้าอ่านหนังสือจีนออก เป็นเรื่องราวที่สนุกมาก) หรือ จั้งกั๊วในตอนหลัง นี่ก็เกิดราว ๆ สมัยพระพุทธเจ้าประสูติพอดี คือ 2500 ปีที่แล้วมา

ในเจ็ดรัฐใหญ่นั้น มีอยู่รัฐหนึ่งที่ค่อย ๆ เข้มแข็งขึ้นมา แต่ล้าหลังรัฐอื่นมากทางวัฒนธรรม และชาติวุฒิ เพราะอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ หวงเหอ ซึ่งเขาถือว่ายังเป็นพวกป่าเถื่อน พอ ๆ กับพวกฮวนนั้งเตอร์กนั่นแหละ แล้วแถมปฐมกษัตริย์ก็เริ่มมาจากคนเลี้ยงม้า ของพระมหากษัตริย์โจวในราชวงศ์โจวช่วงกลาง ๆ เลยยกที่ดินให้ผืนใหญ่ ๆ แห่งหนึ่งเพื่อให้เลี้ยงและฝึกม้าและผสมพันธุ์ม้า แต่อยู่ทางทิศตะวันตกมาก ๆ แถบใกล้ทะเลทรายโกเบ แถบซิงเกียงนั่นแน่ ติด ๆ กับพวกฮวนนั้ง(ชาวเตอร์ก) เขาอยู่กัน  โดยผู้ครองรัฐไม่ใช่เป็นเจ้านาย หรือขุนนางมาก่อน คือขาดชาติวุฒิ

ด้วยชนรัฐจิ้นนี้ชอบสมสู่กับพวก(แขก)เตอร์ก แลกม้าแลกคนกันบ่อย รูปร่างก็คงใหญ่ด้วย และมีหนวดเคราเหมือนแขก ขี่ม้าและสู้รบกันเก่งพอ ๆ กับพวกเตอร์ก

เมื่อราชวงศ์โจวเสียกษัตริย์ เพราะนางชอบดูการจุดเพลิงเตือนภัยจนผัวถูกปลงพระชนม์ ส่วนตัวเองก็ถูกขายเป็นทาส กษัตริย์โจวใหม่ที่ตั้งตัวจากการที่มีเชื้อกษัตริย์ก็ย้ายเมืองหลวงไปที่ใหม่ทางตะวันออก แล้วมีพระบัญชาให้รัฐจิ้นออกไปปราบพวกฮวนนั้ง(เตอร์ก) ที่มาบุกรุกเผาเมืองหลวง ก็ได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ขับไล่พวกเตอร์กออกนอกด่านไปเสียไกลถึงทะเลทรายโกเบ ก็เลยยึดพื้นแผ่นดินของชาวเตอร์กมาเป็นของตัว ทำให้รัฐจิ้นยิ่งมีแผ่นดินที่กว้างใหญ่ เมื่อรัฐอื่นที่กระจิ๋วหลิวยังตั้งตัวเป็นอ๋อง แล้วจิ้นก็มีพื้นแผ่นดินที่กว้างใหญ่ผู้ปกครองรัฐก็ขอตั้งตัวเป็นอ๋องบ้าง จะเป็นไรไป องค์แรกก็เรียกชื่อว่า พระเจ้าจิ้นหมู่กง

รัฐจิ้นก็เหมือนรัฐอื่น ๆ บางครั้งก็มีกษัตริย์หรืออ๋องที่เข้มแข็ง บางครั้งก็แบบไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ถึงกับถูกรัฐอื่นกลืนไป เป็นอยู่อย่างนี้เกือบสิบกว่าองศ์

จนมาถึงพระเจ้าเซี่ยวกง เกิดมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและการปกครองครั้งยิ่งใหญ่ โดยมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มาจากรัฐอุ้ย ชื่อว่า อุ้ยซางเอี๋ยง การเปลี่ยนแปลงนี้ได้ทำแบบรีบด่วน โดยไม่ให้ใครฝ่าฝืนแม้แต่องค์ทายาท มันมีอยู่ไม่กี่ข้อเท่านั้น

หนึ่ง ตั้งสิบครอบครัวให้เป็นหมู่สิบบ้าน ให้ดูแลซึ่งกันและกัน ถ้าครอบครัวใดทำผิดอีกเก้าครอบครัวต้องแจ้งทางการ มิฉะนั้นจะถูกลงโทษทั้งสิบครอบครัว ส่วนหมู่ไหนมีคนเก่งในการรบ ทั้งสิบครอบครัวก็จะได้รางวัล เช่นเดียวกันถ้าหมู่ไหนทำการผลิตผลทางการเกษตรหรือทอผ้าได้กำไรมากมาย ก็จะได้เงินตอบแทนลดเบี้ยภาษีด้วย

สอง คนเกียจคร้านหรือขี้ขลาดให้จับขายเป็นทาสเสีย คนไหนหนีทหารหรือวิ่งหนีการรบให้ประหารชีวิต

ถ้ามีลูกชายมากว่าหนึ่งให้แยกครอบครัวทันทีเมื่อโตขึ้น จะได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งครัวเรือนทันที แม่หม้ายที่ยังสาวมีสิทธิเลือกคู่ครองใหม่ เพื่อให้คนดูแล และมีลูกต่ออีกได้ เป็นการเพิ่มประชากรให้มากขึ้น (ไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎของขงจี๊อ) จะเห็นว่ารัฐนี้ไม่ชอบ กฎเกณฑ์ของขงจี๊อเลย

สาม ไม่ว่าเจ้านายหรือขุนนางที่เคยมีตำแหน่ง จะต้องออกศึกให้ได้ชัยชนะ ถึงจะได้เลื่อนบรรดาศักดิ์ รางวัลที่ดิน เงินทอง เสื้อผ้า และข้าทาส ถ้าแพ้ก็ถูกลดขั้นทันที แล้วทรัพย์สิน ข้าทาสก็จะถูกตัดออกด้วย จะมาทำเป็นผู้ดีหลังยาวขับรถ BMW คันละ 65 ล้านบาทไม่ได้อีกต่อไป

สี่ เพื่อป้องกันการจารกรรมจากรัฐอื่น ทุกคนต้องมีบัตรประจำตัว ห้ามรับคนที่มาจากรัฐอื่นมาอยู่ค้างคืนด้วย

ห้า กฎหมายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใครจะทำผิดหรือบิดเบือนข้อกฎหมาย(เช่น แก้ไขหรือบิดเบือนรัฐธรรมนูญ โดยนายวิษณุอย่างนี้) ไม่ได้ ต้องถูกยึดทรัพย์ ขายเป็นทาส หรือประหารชีวิตเท่านั้น

แต่เพียงเจ็ดชั่วกษัตริย์เท่านั้น รัฐใหญ่ทั้งหกที่เคยถูกดูแคลนว่าเป็นฮวนนั้นก็กลายเป็นยักษ์ใหญ่หนึ่งในเจ็ด  เรียกชื่อรัฐว่า จิ้น (จิ๋น หรือ ฉิน) ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า จีน นั่นแหละ

จนมาถึงราวปี พ.ศ. 240 ราชวงศ์จิ๋นก็ได้นายกรัฐมนตรีที่เก่งในทางวางแผนเพื่อกลืนรัฐอื่น หรือทำให้รัฐอื่น ๆ อีก หกรัฐแตกแยกความสามัคคีกัน กันจนรวมกำลังหรือเป็นสัมพันธมิตรกันไม่ได้ นายนี่ชื่อว่า จางหยี ซึ่งเป็นคนที่มาจากรัฐวุ่ย อาจจะเรียกว่า วุ่ยจางหยีก็ได้ เพราะสมัยก่อนเขามักจะเอาชื่อของรัฐเป็นนามสกุลของตัว หรืออีกนายหนึ่งคือ จางหยีเมืองวุ่ย อย่างนี้แหละครับ แต่ยังไม่ได้ทำการรบเอาเมืองให้แตกหักหรือกลืนให้หมด มีการส่งนักจารกรรมและฆาตกรออกไปทุกรัฐ (นินจาจีนรุ่นแรก ๆ ) เ และมีการติดสินบนต่อข้าราชการใหญ่ ๆ เพื่อรู้ความลับของรัฐต่าง ๆ และฆ่าบุคคลที่สำคัญ ๆ ของรัฐอื่นเสีย กษัตริย์จิ้น ที่จ้างนายวุ่ยจางหยีอยู่ได้ไม่สิบกว่าปีก็ตาย กษัตริย์องค์ใหม่เกิดไม่ชอบหน้าเพราะใบหน้ามีแผลเป็นจากโรคฝีดาษตอนเด็ก ๆ เต็มไปหมด ไม่หล่อว่างั้นเถิด ก็เลยให้บำนาญแล้วก็ให้กลับบ้านไปเฝ้านาเก็บค่าเช่าต่อไป

จนถึงปี พ.ศ. 300 กษัตริย์ใหม่เอี่ยมขึ้นครองราชย์ นั่นคือกษัตริย์ ฉินเจิ้น กษัตริย์นี้ก็โชคดีได้คนเก่ง ชื่อ หลีซือ มาเป็นนักวางแผนการรบและรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัฐจิ้น (แต่ดีหน่อย นายกคนนี้ไม่มีนายหญิงและเจ๊ ๆ เอาถาดไปไว้หน้าบ้านเพื่อให้คนมาวางเงินค่าสินสอด เอ้ย ค่าเอี่ยวหรือแตะเอียวตอนประมูลสัมปทานต่างอะไรต่อมิอะไรในประเทศ) จนสามารถกลืนหรือรวบรวมอีกหกรัฐเข้ามารวมกันเป็นรัฐเดียวกันหมด

เมื่อรวมเป็นหนึ่งรัฐเรียบร้อยแล้ว ก็สถาปนาตัวเองเป็น จิ้นสีฮ่องเต้ ในราชวงศ์จิ้น ที่ชาวโลกรู้จักกันจนถึงปัจจุบัน ตำแหน่งฮ่องเต้นี้เป็นทั้ง ฮ่อง(หรืออ๋องนั่นเอง) แปลว่าผู้ครองรัฐหรือประเทศทางแผ่นดิน และ ตี้ ซึ่งแปลว่าเทพที่รับคำบัญชาของพระเจ้าบนสวรรค์เบื้องบน การตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ หรือจักรพรรดินั้น ซึ่งโบราณกาลยังไม่มีใครใช้ศักดิ์สูงเทียมฟ้าอย่างนี้มาก่อน แล้วก็ตั้งตัวเองเป็นที่เริ่มต้นของราชวงศ์จิ้น ส่วนคำว่าสีนั้น มาจากคำย่อว่า ว่านสี่ หรือหมื่นชั่วโฆตร รวมกันเป็น จิ๋นสีฮ่องเต้ ก็คงเหมือนนายกทักษิณของเราที่พยายามเทียบกับจิ๋นสีฮ่องเต้ ถึงกับ กล่าวไว้ว่า ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ ถึงจะลาออกจากตำแหน่งนายก ก็คงต้องตั้งชื่อทักษิณใหม่ว่า ทักษิณ ว่านสี่ หรือทักษิณ ครองตำแหน่งหมื่นโคตร (ขอให้รวยมาก ๆ อย่าได้หยุดเพียงแค่นี้ เพราะเมืองไทยยังมีของให้ขายอีกมาก)

ขอโทษ กำลังเล่าถึงการรวมประเทศของจีน เป็นเรื่องเฮง ๆ ของคนจีนตอนตรุษจีนอยู่อยู่ แล้วใยมาเกี่ยวข้องกับโคตรที่ไม่ควรกล่าวอ้างแม้แต่ชื่อเลย

ถึงแม้ประเทศจีนจะเคยตกอยู่ใต้การปกครองของเผ่าอื่นหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยสูญสิ้นความเป็นชาติจีนเลยทั้งวัฒนธรรมและความเชื่อถือในความเป็นจีน แล้วชาวเผ่าอื่นก็มานับถือไหว้เจ้าเหมือน คนจีนเสียอีกด้วย

นี่แหละครับคนจีนถึงมีโอกาสได้ฉลองตรุษจีนติดต่อกันมาไม่เคยหยุดเลยเกือบ 4703 ปี  

สุดท้ายนี้ก็ขอให้ ทุกคน กำฮอย ฝัดฉ่อย ภาษากวางตุ้ง แปลว่า ร่ำรวยปีใหม่นี้ 

 

                กลับไป ตอนที่ 14                                                             อ่านต่อ ตอนที่ 16

                                                                                                                                     

   หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us             

                                                       

                     ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                          Copyright 2005 Chulalongkorn University Alumni Association of California