สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ในเครือสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

                             ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

 

         

                     ประเทศไทยที่รักของผม

                                                                     ตอนที่ 2

                                                                                                          น.พ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช

 

30 มีนาคม 2549 

สวัสดีเพื่อนที่รัก

ตั้งแต่ผมกลับจากเมืองไทยตอนปลายเดือนธันวาคม 2005 จนถึงบัดนี้ มีเหตุการณ์ทางการเมือง เกิดขึ้นหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรที่เคยจัดที่สวนลุมพินี ก็ได้เปลี่ยนสถานที่เคยจัด สัญจรไปจัดที่สนามหลวงราว ๆ ต้นปีนี้ เพราะมีคนที่มาฟังมากมาย ทั้งรุ่นเก่ารวมรุ่นใหม่ที่เพิ่งถูกล้างสมอง

ด้วยมีคนเข้าฟังมาก สถานที่ไม่พอจะบรรจุคนได้มากขนาดนั้นทำให้ล้นสวนลุมพินี

เพราะเรื่องราวข่าวสารแปลก ๆ ที่ประชาชนไม่เคยได้รู้หรือฟังมาก่อนทั้งนั้น อย่างที่อเมริกันเรียกว่า Classified materials  พรั่งพรูออกจากรายการนี้มากมาย ด้วยเขาอยากจะรู้ว่ามันจริงหรือไม่ และขนาดไหน ก็ต้องไปฟังกันเอง เช่นมีการโกงกันที่ไหนบ้าง โดยเฉพาะตอนนั้นเกิดมีข่าวฉาวโฉ่ที่สด ๆ ร้อน ๆ ก็คือการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดที่สนามบินหนองงูเห่าที่จัดซื้อโดยมีเลศนัยจากบริษัทหนึ่งในสหรัฐอเมริกา โดยมีนายสุริยะ จึงเจริญกิจเป็นคนจัดซื้อเอง ด้วยบริษัทนั้นถูกอัยการของอเมริกาจับได้ว่ามีการคอร์รัปชั่นต่อรัฐบาทต่างชาติที่เป็นผู้ซื้อ แล้วประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีซื่อติดเข้าไปด้วย แต่เมื่อนายทักษิณได้รับรู้จากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ แทนที่จะตรวจสอบ กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เก็บเข้าลิ้นชัก แถมบอกว่าทางรัฐบาทเราได้เซ็นซื้อผ่านคนกลางไปแล้ว เรื่องมันก็ควรจะจบแล้ว แต่ไม่ตามหาตัวการที่รับเงินจากบริษัท ผมว่าเรื่องนี้ลงข่าวอยู่พักใหญ่ ๆ คนก็อยากรู้ว่านายกจะทำอะไรต่อไป สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป ก็นายกไม่เอาผิดเสียอย่าง ใครจะมาสั่ง(กูละว้า)

บุคคลที่เอาเรื่องนี้ออกมาแฉก็คือนายสนธิเจ้าของรายการสัญจรนั่นแหละ เขาไม่กล่าวหาลอย ๆ แต่มีข้อมูลที่ละเอียด ถึงกับบอกตัวเลข บุคคล เวลา สถานที่ได้เลย ว่าแต่ละเครื่องราคาเท่าไหร่ แล้วรัฐมนตรีไปแจ้งให้รัฐบาลว่าราคาที่เพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ ดูเหมือนราว ๆ อีกสามเท่าตัวของราคาจริง ส่วนเกินก็เก็บใส่กระเป๋าซิครับ

เรื่องพวกนี้ผมก็ได้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่ผมหาได้จากอินเตอร์เนตเท่านั้น มันชักไม่มันส์ แล้วเพื่อนเขาที่สามารถรับข่าวสารจากเมืองไทยโดยทีวีที่ผ่านจานดาวเทียมก็เล่าอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย

วันหนึ่งผมเกิดทนไม่ไหว ที่ตกข่าวมานาน ก็เลยเรียกคนลาวที่เขารับจ้างติดเครื่องรับคลื่นทีวีจากเมืองไทยได้ ต้องติดให้ได้ในตอนเย็นวันเสาร์ ราคาแค่สามร้อยห้าสิบเหรียญเท่านั้น จำได้ว่าเขามาติดให้ก่อนวันที่ประชาชนที่จะทำการขับไล่ทักษิณ หรือที่เขาเรียกว่า สหพันธ์กู้ชาติจะเดินขบวนจากสนามหลวงไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในตอนเย็น กลางเดือนกุมภาพันธ์ มันก็ต้องคืนวันเสาร์นั่นแหละ

ภาพที่ได้รับจากทีวี มันประดับใจจริง ๆ ว่าประชาชนที่ออกมาเดินขบวนขับไล่ทักษิณจะมีจำนวนมากมายขนาดนั้น ผมว่าคงราว ๆ ห้าหมื่นคนได้ แต่หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่หรือทีวีฝ่ายเชียร์ทักษิณก็บอกว่าราว ๆ สี่ห้าพันคน ประชาชนที่ออกมาขับไล่นายทักษิณ ได้ตะโกนพร้อม ๆ กัน ทักษิณ ออกไป พร้อม ๆ กันจนดังสนั่นไปทั่วถนนราชดำเนิน

มันช่างคุ้มกับค่าเครื่องและติดตั้งเพียงแค่สามร้อยห้าสิบเหรียญเหลือเกิน แล้วมันก็เป็นบ่อเกิดที่ทำให้ผมไม่ค่อยจะมีความสุขเลย ที่ต้องนั่งติดตามเฝ้าดูข่าวจากทีวีไทยช่อง ASTVนี่ ช่องอื่นผมก็ไม่ค่อยดู เพราะมีแต่เกมส์โชว์ และละครสติวปิด บางช่องก็เอาหนังสมัยพระเจ้าเหามาเปิดให้ดูก็มี

ตั้งแต่นั้นมาผมก็เปิดดูและฟังข่าวจากทีวีดาวเทียมช่อง ASTV เช้าสาย บ่ายเย็น จนบางวันไปทำงานสาย เพราะอยากรู้ว่าผมมันโง่หรือเปล่าที่มัวแต่เชียร์นายทักษิณแต่เดิมมา เพราะไปเชื่อตามหมอผู้ใหญ่เช่น นายแพทย์ เสม พริ้งพวงแก้ว หมอรุ่นพี่ผมสักสองสามปีละมั่ง ที่เชียร์ให้นายทักษิณเป็นนายกเมื่อห้าปีก่อน ทั้ง ๆ มีการโกงในเรื่องการซุกหุ้น โดยยกไปให้คนใช้ คนขับรถ

หมอเสมก็เชื่อตามถ้อยคำพูดสาบดสาบานของนายทักษิณว่า ผมผิดพลาดโดยบริสุทธิ์ แล้วตอนนี้หมอ เสมก็คงต้องยอมรับว่า ผมโกงชาติโดยบริสุทธิ์ใจ เป็นไงเล่าครับคุณหมอ แก่แล้วยังดูคนไม่ออกอีก เจ็บกะลาหัวไหม เรื่องนี้สอนว่า อย่าไปเชื่อหมอทุกครั้ง

ละครการเมืองฉากกู้ชาติและขายชาติที่มีตัวเล่นเป็นหมอเสียหลายคน เป็นหมอที่สารเลวจริง ๆ ก็หลายคน ส่วนหมอที่เล่นการเมืองแบบชั่วน้อย ๆ  คงหายากมาก

ผมไม่เคยคิดจะเข้าไปยุ่งกับการประท้วงนายทักษิณ ได้แต่ด่าเงียบ ๆ แบบไม่สุภาพในใจ แต่จะทำอะไรได้ เพราะเราอยู่ไกลเมืองไทยเหลือเกิน จนเพื่อนผมคนหนึ่ง คือคุณกิติพลเขาชวนให้ไปเดินประท้วงที่หน้าสถานกงสุล ที่เอลเอ มันก็ดีเหมือนกันเป็นการระบายความโมโหและแสดงความรักประเทศที่เราเกิด เพื่อไม่ให้สิ้นชาติไป

ข่าวที่น่าสนใจก็คงไม่พ้นนายทักษิณ(ผมเลิกเรียกเขาเป็นนายก เพราะความร้ายกาจของเขาถ้าใช้คำพูดแบบหนังสือกงฟูคงเรียกว่า มารร้าย) ขบวนการทำบาปต่อประเทศโดยทั้งญาติมิตร ลูกน้อง ถ้าจะสรุปความรู้เรื่องนายทักษิณ แบบย่อก็คงไม่พ้นเรื่อง

           1.ตั้งวงญาติมิตรและสมุนขึ้นมาเป็นแกงค์ โดยอำนาจเงินและการโกงก็ได้อำนาจ โดยนโยบายที่เรียกว่าโคตรโกง แก๊งนี่ก็ประกอบด้วยสิบตระกูล แน่นอนก็ต้องประกอบด้วยหัวหน้าแก๊ง ชินวัต มาดาพงศ์ จึงเจริญกิจ มาลีนนท์ เจริญโภคพันธุ์ และอีกห้าตระกูล รวมทั้งหมดสิบตระกูล เมื่อมีเงินซื้ออำนาจได้ อำนาจที่ได้ก็ทำเงินมหาศาลได้ แล้วอำนาจก็เพิ่มขึ้นอีกมากมาย แล้วก็ทำขั้นต่อไป

           2. ทำการปิดปากและเสียงทั้งภาพโดยพวกสื่อมวลชน ไม่ให้ดู ไม่ให้ฟัง ไม่ให้พูด แถมไม่ให้คิดด้วย ในเรื่องที่นายทักษิณไม่อยากให้รู้ เห็นและยิน ให้รู้เห็นแต่เรื่องที่เขาบอกให้รู้เท่านั้น

                สื่อที่ใช้มาก ก็ทางทีวี และวิทยุเขาก็ให้ฟังแต่เรื่องสวย ๆ งาม ๆ ทั้งนั้น

                เรื่องชั่ว ๆ หรือเลวของเขาห้ามออกข่าวเด็ดขาด

  เขาสามารถปิดปาก และหยุดข้อเขียนของสื่อมวลชนได้ ก็โดยอาศัยเครื่องมือของรัฐตั้งแต่อาศัยกรมสรรพากรตรวจภาษี อำนาจตำรวจทั้งลับทั้งเปิดเผย การวางระเบิด และอำนาจมือตีน รวมทั้งอุ้มฆ่า โดยพรรคพวกที่ยังเป็นมาเฟียอยู่ พอสื่อไม่กล้าพูดมาก คือเรื่องหรือกลโกงทั้งหลายไม่เคยให้ประชาชนได้รู้แล้ว หลังจากนั้นก็

  สองวันก่อนก็มีการส่งม๊อบ เรียกตัวเองว่าแก๊งคนจนไปล้อมตึกของเครือหนังสือพิมพ์เนชั่น ไม่ให้คนภายในเข้าออก ขนาดผู้หญิงท้องก็ยังไปทำอนาจารลูกท้องเขาเล่น ๆ จะทำไม แล้วก็มีแก๊งมอร์เตอร์ไซไปล้อมตึกของสำนักพิมพ์ผู้จัดการ จะเข้าไปทำร้ายนักข่าวทั้งหญิงและชาย แต่ครานี้เขาสู้ เลยต้องล่าถอยไป อนาถใจจริง ต่อขบวนการกวนเมืองงของพวกนายทักษิณ

            3. ทำการข่มขืนประเทศไทย โดยให้ประชาชยมั่วแต่เรื่องฟุ่มเฟือยอบายมุข เช่นหวยใต้ดินขึ้นเป็นหวยบนดิน ให้คลั่งคล้ายฟุตบอลโดยจะซื้อทีมฟุตบอลโลกเข้ามาในประเทศโดยรัฐบาลเป็นคนซื้อทีมเข้ามา แต่ไม่สำเร็จ เพราะชาวอังกฤษไม่ขายให้ เสนอให้มีการตั้งคาซีโนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ

            ด้านทีวี ก็ไม่ให้ประชาชนเรียนรู้อะไร ให้ชาวบ้านประชากรดูแต่ละครน้ำเน่า เกมส์โชว์ที่ไม่เป็นสาระ ให้ชาวนากู้เงินโดยเอาที่ดินค้ำประกัน ที่เรียกว่าแปรสินทรัพย์ให้เป็นเงินทุน เปล่าหรอกครับชาวนาก็เอาไปซื้อของฟุ่มเฟือยไม่จำเป็น ดังที่รัฐโฆษณาให้ดูในทีวีทุก ๆ วัน เช่นซื้อมือถือ รถจักรยานยนตร์ รถบิอัพ ตู้เย็น เครื่องแอร์ ซึ่งบริษัทที่ขายล้วนแล้วแต่เป็นเครือในตระกูลทั้งสิบนี่แหละครับ แทนที่รัฐจะสอนให้รู้จักอดออม รัฐบาลกลับบอกว่าเป็นของจำเป็นสำหรับพัฒนาประเทศชาติ ทำให้เงินหมุนเวียน โดยเฉพาะถ้าไปซื้อหุ้นในบริษัทของพรรคพวกเขา ซึ่งมีการปั่นหุ้นกันตลอดเวลา คนที่ไม่รู้ทันก็เป็นแมงเม่าไปเท่านั้น ชาวบ้านที่เอาที่ดินไปจำนอง เพื่อแปรสมบัติให้เป็นทุนทรัพย์ก็หัดซื้อหุ้น ขาดทนจนหมดตัวไปก็มาก ที่ดินที่จำนองกับตระกูลใหญ่ ๆ เหล่านี้ก็กำลังถูกเป็นใบยึดที่ดินไปแล้ว

           5. การโกงหรือปล้นเงินภาษีของราษฎร เช่นการก่อสร้างสนามบินหนองงูเห่าที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยการกินเหล็กกินปูน การกินหัวคิวการก่อนสร้างต่าง ๆ การซื้อเครื่องอุปกรณ์ในสนามบิน ซึ่งเงินที่เสียไปกับคอรัปชั่นนี้มากกว่าตัวสนามบินเป็นหลายเท่าตัว ตอนนี้สนามบินก็มีรอยแตกแยกกลางลานบิน เป็นอันตรายต่อการขึ้นลงของเครื่องบินขนาดยักษ์ ก็เพราะใช้วัสดุด้อยคุณภาพ และตัดจำนวนวัสดุลง เมื่อข่มขืนประเทศของตัวเองจนอ่อนเปลี้ยแล้ว ก็ส่งต่อให้ผู้อื่นข่มขืนต่อไป

           6. ครานี้เป็นชาวต่างชาติ หากินกับคนไทย พวกแก๊งค์ก็คือ

           ชาวต่างชาติ มาข่มขืนประเทศไทยต่อ ตัวแรก เอ๊ย ชาติแรกที่เป็นขาประจำก็คือสิงคโปร์โตก(ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเรียกว่าอย่างนี้ หนูไม่รู้จริงฮะ) มาซื้อของในเมืองไทย เรียกว่าซื้อแถมแจกแลก ก็ตั้งแต่ขายแบงค์สมัย ไอเอ็มเอ็ฟ แล้วไอเอ็มเอ็ฟ หมดไป นายทักษิณก็ยังขายต่อเพราะกฎหมายในสมัยนั้นเขียนไว้อย่างนี้  ราคาถูก ๆ ครับ โดยร่วมมือกับคนไทย ก็เพราะกฎหมายบอกว่าคนไทยซื้อไม่ได้ แก๊งพวกนี้ก็ได้ซื้อทรัพย์สินแบบเลหลังโดยอาศัยนายหน้าสิงคโปร์ เช่นแบงค์ทหารไทย ตอนนี้ ปิโตรเลี่ยมที่กุมพลังงานของชาติที่สำคัญที่สุดซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ก็ถูกขายไปแล้ว กลายเป็นบริษัทมหาชน และกำลังจะขายการไฟฟ้าทั่วประเทศ แต่โชคนี้ ยังมีศาลที่ซื่อสัตย์ต่อศักดิ์ศรีของคนไทย(อาจจะเรียกว่าศาลไคฟงของเปาบุ้นจิ้น) เรียกว่าศาลการปกครอง ยับยั้งไว้ ไม่ให้ขาย ทำให้นายทักษิณแทบบ้าตาย เพราะตัวเองขายหุ้นให้สิงคโปร์เพื่อเอาเงินก้อนนี้เตรียมมากว้านซื้อหุ้นการไฟฟ้าให้หมด ไม่เป็นไร เขาว่า พรรคพวกจะตัดขายเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก็ยังได้

 ที่รู้ ๆ กันอยู่ตอนนี้ และก็เป็นสาเหตุให้นายทักษิณต้องตกที่นั่งลำบาก ก็คือขายสัมปทานดาวเทียมให้แก่สิงคโปร์ จนเกิดเรื่องเกิดราวตามมาคือเรื่องนายทักษิณโกงภาษี ขายได้เงินเกือบ เจ็ดหมื่นสามพันล้านบาท แต่ไม่ยอมเสียภาษีแม้แต่บาทเดียว โดยอ้างกฎหมายที่ให้พรรคพวกเขียนขึ้น แล้วก็ผ่านสภาของเขาเอง เพราะมีเสียงข้างมากท่วมท้น เป็นเหตุให้ชาวไทยทั้งหลายลุกฮือขึ้นมา เรื่องความชั่วเลวอีกมากมายที่นายทักษิณ ญาติโยม พรรคพวกทำเอาไว้ เลยถูกแฉและเปิดโปง โดยข้าราชการทั้งหลายช่วยกันส่งข้อมูลมาทางสำนักข่าวที่เชื่อถือได้อย่างลับ ๆ  แต่ละเรื่องคนฟัง ๆ แล้วก็คิดว่ามันไม่เป็นความจริง เพราะมันเหลือเชื่อ ว่าคนไทยด้วยกันที่กำนโยบายของชาติจะกล้าทำถึงขนาดนี้ แต่ก็ต้องเชื่อ เพราะนายทักษิณปิดปากเงียบไม่กล้าพูด หรือโต้เถียงแม้แต่เรื่องเดียว ได้แต่พูดเสียดสีว่าชาวบ้านเห็นเขารวย เลยอิจฉาละมั่ง

 การให้ชาวต่างประเทศมาทำเหมือนแร่ที่อันตรายแต่แผ่นดินของไทย เช่นเหมืองทองคำทางภาคเหนือ เหมืองเกลือสินเธาว์ ที่ร้ายที่สุดก็คือเหมือนแร่ทองคำประเทศไทยได้เงินค่าภาคหลวงไม่มากเท่าไหร่ แต่ของพิษที่สกัดทองออกมา เป็นยาพิษที่รุนแรงทั้งนั้น เช่นพวกไซยันนัย ปรอท ทั้งหมดที่คร่าชีวิตคนได้ทั้งนั้นถ้าน้ำเสียที่เป็นพิษเหล่านี้ซึมลงใต้ดินแล้วมาออกทางแม่น้ำลำครอง โดยฝ่ายไทยไม่มีการบังคับตรวจตรา เพราะความโง่หรือทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

          เรื่องขายชาติให้สิงคโปร์นั้นก็ยังมีการเช่าฐานทัพอากาศของไทยที่อุดร เพื่อเป็นที่ตั้งและฝึกซ้อมของเครื่องบิน F-16และพลร่มที่กาญจนบุรี ฐานกองทัพบกที่ขอนแก่นอีกด้วย เพียงเพื่อให้นายทักษิณขายคลื่นส่งในดาวเทียมเท่านั้น

อีกสองชาติที่เขาชวนเข้ามาข่มขืนชาติไทยก็คือ ชาติจีน และออสเตรเลีย เพียงเพื่อนายทักษิณอยากจะขายคลื่นส่งในดาวเทียวซึ่งเป็นของตัวเอง เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง นอกนี้ก็อยากขายชิ้นส่วนรถยนต์และจักรยานยนตร์ของพรรคพวก จึงกิจเจริญเท่านั้น

          7. สังคม ศาสนา ชนเผ่า วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม นอกจากไม่ได้ส่งเสริม แต่กลับไปส่งเสริมเรื่องหมอดูและวิชาไสยศาสตร์และหมอ โดยเฉพาะหมอผีเขมรนี้เฟื่องฟูมาก โดยการส่งเสริมจากรัฐมนตรีอ้ายห้อย

          8. หลงระเริง หวังจะสร้างความยิ่งใหญ่ไปถึงดวงดาว แม้ตำแหน่งประธานาธิบดี ก็คงจะไม่พ้นมือ ถ้าอยู่ต่อไป เพราะตอนนี้ก็ตั้งตัวเทียบเคียงกับนายหลวง เช่นทำพิธีในตำแหน่งพระที่นั่งในอุโบสถที่วัดพระแก้ว ตำแหน่งบวงสรวงพระศิวะ ณที่ตำแหน่งของกษัตริย์โบราณของเขมรที่เขาพนมรุ้ง แถมจาบจ้วงดึงเอาพระเจ้าแผ่นดินมาเสมอตัว โดยบอกว่านายหลวงเพียงแต่ กระซิบ (ก็คงต้องข้างหู แหละครับ)

เกือบทุกวันที่ผมดูคนไข้ ซึ่งเป็นคนลาวเสียส่วนใหญ่ เขาจะถามเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ตามที่เขาได้ดูจากสถานีโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดมากจากเมืองไทย เช่นช่อง ASTV หรือไม่ก็ช่อง IPtv ที่ออกรายการที่แคลิฟอร์เนียนี่

เรื่องของนายทักษิณนั้นมีเยอะมาก เพราะปากหมาที่ชอบโกหก และขี้คุย เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขาไปปราศรัยที่เมืองชลบุรี เขาได้ตระโกนบอกว่าตัวเขา ไม่ชั่ว ไม่โง่ ไม่บ้า แต่ไม่ยักพูดว่า ไม่โกง เพราะอย่างน้อยเขาคงยังยังมีความละอายใจอยู่นิดหน่อย

แล้วสองวันก่อนก็เกิดมี Reality show จริง ๆ เกิดขึ้น เมื่อเขาอยากให้ทีวีเห็นว่าประชาชนยังรักเขาอยู่ ก็ไปเดินโชว์ แล้วก็ไปนั่งกินก๊วยเตี๋ยวที่ฟู๊ดเซนเตอร์กลางซอยละลายทรัพย์ เกิดมีเจ๊กลุ่มหนึ่งหมั่นไส้ขึ้นมาก็เลย ตะโกนขับไล่นายทักษิณขึ้นมา เล่นเอานาบทักษิณหน้าม้าน และลูกน้องของเขาวุ่นวายไปหมด เรื่องนี้ก็คงสอนเขาว่า มีเงินมีอำนาจ ก็ไม่ได้ให้เขามีความสุขหรอกครับ อาจจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่สักวัน ด้วยความเหลิง

ดึกแล้วครับ ผมชักเขียนไม่ค่อยเป็นเรื่อง วันหลังจะเล่าให้ฟังเท่าที่จะหามาเล่าได้ เพื่อนก็คงหาดูเรื่องราวในอินเตอร์เนตได้

 

Good night

จากเพื่อน สุวัฒน์

                                                                                                 

             กลับไปตอนที่ 1

 

   หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us             

                                                       

                     ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                          Copyright 2005 Chulalongkorn University Alumni Association of California