สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ในเครือสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

                             ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

 
 

                                                สุราก็แปลว่าเหล้า

                                                                                      ตอนที่ 7

                                                                                                        .พ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช

 

Fetal Alcohol Syndrome (FAS)

ก่อนจะดื่มเบียร์หรือเหล้า โปรดยกอ่านคำเตือนบนขวดหรือกระป๋อง เขาจะเขียนประกาศว่า รัฐบาลเขาเตือนว่า การดื่มสุราในผู้หญิงที่กำลังท้องอยู่จะทำให้เด็กในครรภ์พิการได้

คำเตือนนี่เพิ่มจะมีราว ๆ สิบกว่าปีนี้เอง ก่อนหน้านั้นเขาสังเกตถึงอาการพิการในเด็กจำนวนหนึ่งที่เกิดจากแม่ที่ชอบดื่มสุราระหว่างตั้งครรภ์ แล้วก็ทำการวิจัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่ที่ชอบดื่มกับเด็กพิการ พบว่ามีความเกี่ยวข้องกันมากทีเดียว สถิติของเด็กพวกนี้ในถิ่นสลัม มีถึง หนึ่งในพัน

เด็กพวกนี้จะมีอาการทางสมองและร่างกาย คือเด็กมีอาการซุ่มซ่าม เงอะงะ ปัญญาอ่อน มีความประพฤติที่ผิดปรกติ โตขึ้นอาจเป็นโรคจิต อาการจะแสดงออกตั้งแต่ตอนแบบเบาะ นอกนี้จะมีรูปร่างเล็ก เลี้ยงไม่โต ลูกตาสองข้างจะห่างกันผิดปรกติ

ตัวอย่างที่เห็นในรูปนี้ เกิดจากแม่ที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์อยู่ เกิดไปฉลองโดยดื่มวอดก้าเข้าไปหนึ่งขวด ภายในวันเดียว มาพบว่าตัวเองตั้งครรภ์เมื่ออีกเดือนกว่า พอรู้ตัวว่ามีครรภ์ก็หยุดดื่มอย่างเด็ดขาด หารู้ไม่ว่าเหล้าวอดก้าขวดนั้นที่ดื่มตอนเดือนกว่านั้น มันทำให้เด็กในครรภ์พิการไปตลอดชีวิตเสียแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้

เด็กคนนี้ชื่อว่า Malcolm ตอนเกิดน้ำหนักน้อยกว่าปรกติ แถมมีอาการของโรคไต ทางกระเพาะ เลยต้องเลี้ยงด้วยสายท่อที่ผ่านเข้าทางกระเพาะ

เด็กคนนี้นอกจากมีน้ำหนักน้อยแล้ว กะโหลกหัวเล็กกว่าปรกติ  หน้าตาผิดปรกติ เป็นลักษณะจำเพาะสำหรับเด็กพวกนี้ ตาสองข้างห่างออกกว่าปรกติ รูจมูกชี้ฟ้า  ริมฝีปากบาง คางสั้น เยื่อตา Cornea เป็นแผล อาจตาบอดแต่เล็กได้ ส่วนมาจะสายตาไม่ดี เพราะตาห่างมากไป เลยไม่สามารถเพ่งมอง Focus ที่จุดเดียวได้ 

อย่างที่พูดข้างต้น เด็กพวกนี้มีอารมณ์ผิดปรกติ ไม่สนใจในการเรียน อาจชอบหาเรื่องชกต่อย เพราะปัญญาอ่อน เลยแยกแยะผิดถูกไม่ได้ เขาเรียกว่า Behavior Disorder บางคนก็ชอบอยู่คนเดียว บางรายร่างกายเป็นปรกติหมด เลยถูกวิเคราะห์ว่าเป็นโรคจิต หรือจิตทราม หรือเป็นเด็กพวก Autism ที่เศร้าใจที่สุดก็คือคุณแม่ท่านมักจะไม่รู้ตัวว่ากำลังมีครรภ์ตอนที่ดื่มเหล้าจัดอยู่ เพราะเด็กในครรภ์จะพิการก็ตอนภายใน12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์

ถ้าตอนฮันนี่มูนใหม่ ๆ เหลิงระเริงฉลองและก๊งกันตลอดเวลาหลาย ๆ สัปดาห์ แบบฝรั่ง โอกาสจะคลอดเด็กพิการ แบบ FAS ก็คงจะสูง เขาพบว่าดวดเหล้าแบบวอดก้าหรือวิสกี๊สองจอกก็มีโอกาสทำให้เด็กในครรภ์ที่เริ่มต้นมีชีวิตพิการได้

การรักษาสำหรับโรคนี้นะไม่มี ขอเสียใจด้วย แต่แก้ไขให้มีชีวิตอยู่ต่อไปนั้นมีแน่ ถ้าเกิดมีอายุยืนยาวก็คงต้องภาวนาให้เด็กคนนี้ตายก่อนพ่อแม่ พ่อแม่ถึงจะนอนตายตาหลับ

ด้วยประเทศอเมริกานี่มันรวย มีโรงเรียนสำหรับเด็กพิการ และรัฐก็ให้สวัสดิการทุกอย่าง ถ้ามีอายุเลยสิบแปดก็มีเงินโซเชียวซิเคียวริตี้ช่วยอีก แถมฟูดแสตมป์Food Stamps เรื่องการรักษาสุขภาพและเครื่องมือในการเคลื่อนที่เขาให้ไม่มีอั้น เชื่อผมเถิดครับ ถ้าดาราหนังไทยคนไหนใกล้จะคลอดรีบทำวีซ่ามาคลอดที่อเมริกา ลูกจะได้เป็นซิตตีเซ่น แถมพออายุยี่สิบเอ็ดพ่อแม่ที่ไม่มีใบเขียวก็จะขอตามลูกได้ เพราะตอนนั้นดาราที่เคยดัง ค่าตัวก็คงจะตกจนต้องมาขายขนมกันก็มีมาก เชื่อผมซี่ครับ อย่างรีรอเลย

พ่อแม่ที่ได้ลูกออกมาอย่างนี้ ก็มักจะโทษคนอื่น ก็ได้แต่ซูคนอื่นไปหมด วิธีซูก็ซูตั้งแต่บริษัทยา หมอ โรงพยาบาล พยาบาล หมาที่วิ่งเล่นตามโรงพยาบาลก็โดนด้วย แน่นอนโรงงานทำเหล้าคนขายเหล้าโดนแน่นอน ถ้าซูพระเจ้าได้ก็คงจะซูด้วย แต่ไม่พะยักซูตัวเองบ้าง

มีบริษัทยาทำยาแก้แพ้ท้อง เรียกว่ายา Bedectin เขาพิสูจน์ว่ามันได้ผลกับคนแพ้ท้องมากทีเดียว และผลร้ายเกือบไม่มี แต่ก็ยังถูกซูจนบริษัทยานั้นเลิกทำยาตัวนี้ แต่ทนายความจะไม่ยอมเปิดเผยว่าแม่เด็กตอนมีครรภ์กินยาอะไรเข้าไป และยาตัวนั้นแม่เด็กก็กินมันทุกวันและมาก ๆ ด้วย นั่นคือยา Alcohol ไงละครับ

ลูกขุนของประเทศนี้มักจะเป็นพวกแม่บ้านที่ไม่มีงานทำ ทนายความของเจ้าทุกข์มักจะเลือกพวกนี้ เพราะปัญญาอ่อนด้วย จะเห็นตอนเลือกลูกขุน เขาจะเลือกแต่พวกปัญญาอ่อน คนฉลาดมักจะถูกกันออก ลูกขุนพวกนี้ก็เห็นใจแม่และเด็กที่พิการก็มักจะให้ชนะคดีไป บริษัททำยาที่รวยก็จ่ายเงินไป แล้วบริษัทที่ไหนเขาจะทำยามาขายแก้แพ้ท้องกัน ถ้าจะขายต่อไปก็ต้องจ่ายค่าประกันถูกซูสูงมาก เขาก็ไปเพิ่มที่ค่ายา แล้วใครเป็นคนจ่ายค่ายาให้ ก็พวกเรานั่นแหละ

ผมยังแปลกใจว่าทำไมโรงงานกลั่นสุราถึงไม่ถูกซูในคดีอย่างนี้บ้าง เพราะเป็นตัวการที่ทำให้เด็กพิการที่แท้จริง

Mental Retardation ปัญญาอ่อน

ไหน ๆ ก็ไปเขียนเกี่ยวกับเรื่องปัญญาอ่อนมาหลายครั้งแล้ว ก็จะพูดถึงเรื่องนี้บ้าง

เด็กพวกปัญญาอ่อนนี้เรารู้โดยการวัดสติปัญญา โดยเทียบกับเด็กที่อายุเท่า ๆ กัน เด็กพวกนี้อาจจะมีแขนขาสมบูรณ์เหมือนเด็กคนอื่น แต่บางคนก็อาจจะมีอวัยวะที่ผิดปรกติบางอย่าง แต่อาจจะมีความเสียหายทางสมอง หรือหน้าที่ของสมองไม่ทันต่อการงอกงามของเนื้อสมองก็ได้

มีอยู่คำสองคำที่เกี่ยวกับสติปัญญา คำแรกคือ Cognition ไม่รู้ว่า-ภาษาไทยแปลว่าอะไรกันแน่ แต่น่าจะแปลว่า มีสติและปัญญา แต่มันหมายถึง การมีสติ ความจำ การเรียนรู้ และความคิดง่าย ๆ ดังนั้นสัตว์ที่สามารถหากินและเรียนรู้กรรมวิธีจับสัตว์อื่นหรือพืชมาเป็นอาหารได้ ก็ต้องมีสติปัญญา นั่นเป็นขั้นหนึ่งของการเป็นสัตว์ ซึ่งรวมทั้งมนุษย์ด้วย

อีกคำหนึ่งเรียกว่า เรียกว่า Intelligence คงต้องแปลว่าปัญญาชั้นสูง หรือความรู้และการคิดรวมกัน ที่สามารถนำพาตัวเองเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีสมรรถภาพ คิดในกรอบที่มีเหตุมีผล สามารถกอบกู้หรือแก้ไขสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถคาดคะเนว่าการกระทำของตัวจะทำให้เกิดผลอะไรขึ้น เช่นเอาขี้ไปปะหัวคน อย่างนี้มันจะเข้ากับมนุษย์คนอื่นได้อย่างไร และมีความคิดแบบ Abstract

ความสุดยอดของปัญญาชั้นสูงคือสามารถตัดสินว่าข้อไหนผิดหรือถูก และมีความสามารถที่จะห้ามตัวเองได้ เพราะความอยากหลาย ๆ อย่าง มันเป็นผลจากธรรมชาติในตัวเรา ถ้าเราหยุดหรือห้ามมันได้ เราก็นับว่าเป็นมนุษย์ที่สุดประเสริฐ ถ้าไม่ได้เราก็กลับไปเป็นอ้ายสัตว์ใหม่ มีแต่ สติ ความจำ และการเรียนรู้เบื้องต้นสำหรับดำรงชีวิตเท่านั้น

การวัดความสามารถในเรื่องปัญญานี้ เรียกว่า I.Q. ย่อมาจากคำโต ๆ ว่า Intelligence Quotient มันเป็นการวัดปัญญาของคนออกมาเป็นตัวเลข 100 % โดยวัดจากหมู่ชนที่เขาอยู่นั้น โดยคนทั่ว ๆ ก็เป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ ถ้าปัญญาดีกว่าในหมู่ชนนั้นก็เกินร้อยเปอร์เซนต์ ถ้าปัญญาต่ำกว่าในหมู่ชนนั้น ๆ ก็ต่ำกว่าร้อย

วิธีการมันเปลี่ยนมาหลาย ๆ ครั้งจนครั้งที่นาย Alfred Binet ได้สร้างระบบการวัดสำหรับโรงเรียนของรัฐบาลในประเทศฝรั่งเศสในราว ๆ ปี 1905 เพื่อวัดสติปัญญาของเด็กต่าง ๆ เพื่อจะได้จัดชั้นตามปัญญาที่เหมาะสม แล้วตอนหลังได้นำมาใช้ในประเทศอเมริกาก็มีการเปลี่ยนแปลงดัดแปลงกันอีก เลยเรียกว่า Stanford-Benet test

หลักทั่ว ๆ ทีใช้ในการวัดก็ 1. ความรู้ที่ใช้ประโยชน์ได้โดยทั่วไป 2. ความจำ 3. การใช้เหตุผลที่ถูกต้อง 4. ศัพท์แสงที่ใช้ทั่วไป 5. การแก้ปัญหาทั่วไป

นอกจากการวัดปัญญาในผู้ใหญ่ เขายังวัด I.Q. ในเด็กตามเกณฑ์อายุอีกด้วย แน่นอนที่สุดเด็กห้าขวบจะมีปัญญาสู่เด็กอายุสิบห้าขวบย่อมไม่ได้

ดังนั้นในเด็กเขาเรียกว่า Mental age หรือความลาดตามอายุ เช่นเด็ก 6 ขวบมีปัญญาเท่าเด็กอายุ 9 ขวบ แบบนี้คำนวณแล้วก็ออกมา เป็น I.Q.150% (9/6 ขวบ x 100) ถ้าเด็กอายุ 12 ขวบ แต่มีคะแนนพอ ๆ กับเด็ก 6 ขวบ I.Q. ก็เป็นแค่ 50%

เพื่อความสะดวกและเพิ่มศัพท์ที่ไม่สร้างสรรค์ขึ้นมามาก ๆ ก็เลยมีคำเรียกพวกปัญญาอ่อนเหล่านี้ตามตัวเลข คือถ้ามี I.Q. ต่ำกว่า 25% เขาเรียกว่าพวกนี้มัน Idiot ราว ๆ 26-49% เรียกว่า Imbecile ถ้าระดับ 50 -70% เรียกว่า Moron ส่วนคำที่เรียกคนที่ฉลาดมากอย่างนายกทักษิณอย่างนี้เราเรียกว่า ความไม่รู้ทันทักษิณ อ่านต่อฉบับหน้า

       

                     กลับไป ตอนที่ 6                                                                               อ่านต่อ ตอนที่ 8

 

หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us 

                                                                          

                     ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                          Copyright 2005 Chulalongkorn University Alumni Association of California