ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

 

                     คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส

                                                                                   ตอนที่ 3                                                                                                                                                                                          นพ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช

 

 

โคลัมบัสก็เป็นคนหนึ่งที่คิดแต่จะไปขุดทอง แต่ตอนนั้นอีไม่รู้ว่ามีอเมริกา คอยแต่คิดจะไปเมืองจีนหรืออินเดียท่าเดียว ไอ้โง่เอ๊ย ชะ!ไปขุดทองอินเดีย มีแต่คนอินเดียอยากมาขุดทองที่อเมริกา

โคลัมบัสแน่ใจมากถ้าอีเดินทางตามพระอาทิตย์จะต้องแล่นไปชนเอาประเทศอินเดียหรือประเทศจีนเข้าให้แน่นอนที่สุด เลยเอาแผนการเดินเรือไปยื่นเสนอต่อพระเจ้าเมืองโปตุเกส John ที่สอง ระหว่างนั้นก็รอฝังผลประมูล เอ๊ยไม่ใช่ ลืมไปคิดว่าการประมูลสถานจอดรถที่สนามบินแห่งใหม่ของเมืองไทย เขาไม่ต้องประมูลแล้ว วิ่งเส้นก็ใช้ได้ ตาพระเจ้าจอนที่สองก็เรียกชุมนุมนักวิชาการและพระคุณเจ้าให้มาฟังและถกเถียง ว่าตาโคลัมบัสนี่มันบ๊องหรือเปล่า จะแล่นเรือไปทางทิศตะวันตก มีหวังตกขอบทะเล ก็ตายทั้งลำเรือเท่านั้น แถมคิดว่าจะไปขุดทองที่เมืองจีนและอินเดีย มีแต่คนจีนมาขุดทองที่ กู้กิมซัว (ภูเขาทอง) หรือซาน ฟรานซิสโกเท่านั้น ระหว่างที่ขุนนางและนักวิชาการที่มาจากมหาวิทยาลัย ลิสบัน นั่งซิปช๊อคโกแลตและคุยเรื่องสัปดนกันไปด้วย โอ้! ลืมไปตอนนั้นยังไม่มีชอคโคแลตกัน เพราะไอ้นี่มันมาจากอเมริกาใต้ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ถูกโคลัมบัสค้นพบ                  

            ระหว่างเวลาว่าง ตัวโคลัมบัสก็ไปเดินเล่นในเมืองลิสบัสที่ตั้งอยู่ในอ่าวที่สวยงาม เมืองนี้อยู่ทางใต้สุดของประเทศ ตัวเมืองตั้งอยู่บนภูเขาเตี้ย ๆ ตัวเมืองเก่า ๆ มีแต่ถนนแคบ ๆ วกวนเข้าไปในตรอกเล็กตรอกน้อย ถนนก็ยังปูด้วยก้อนหินฝังดิน ที่เขาเรียกว่า Cobble Stone เวลารถวิ่งผ่านทั้งรถทั้งคนสั่นไปหมด ชอปปิ้งก็ไม่มีอะไรให้ซื้อมาก มีร้านขายปลามากมาย เอากันสด ๆ เลย ทุบหัวทีตายสนิทแล้วก็ขุดเกร็ด ผ่าท้องควักไส้ออก เขาไม่ตัดหัวออก ไม่เหมือนคนไอ้กันที่นี่ ไม่รู้จักกินหัวปลา โง่หรือเปล่า  นอกนี้ก็มีร้านขายขนม บ้าบิ่น ขนมทองหยอด ฝอยทอง สังขยา ถั่วตัด คาสตาด มีขายเหมือนเมืองไทย ก็ยังไม่รู้ว่าเขาไปเรียนทำขนมมาจากเมืองไทยเมื่อห้าหกร้อยปีได้ยังไง  ส่วนบ้านช่องก็เหมือนฝรั่งนั่นแหละ แต่แปลก แถวหน้าบ้าน ข้าง ๆ บ้านจั่วบ้าน เขาเอากระเบื้องเคลือบ ที่วาดเป็นรูปต่าง ๆ มาแปะจนกลายเป็นบ้านกระเบื้องเคลือบไปเสียนี่ ในบ้านก็แปะเหมือนกัน ดูแล้วก็สวยดี ไม่เหมือนบ้านเมืองอื่นเขา ถ้าไปเที่ยวนิวอิงแลนด์ เห็นหน้าบ้านไหนแปะกระเบื้องเคลือบก็คงเดาได้ว่ามาจากโปตุเกส มีอนุสาวรีย์ของเหล่าฮีโร่ นักเดินทะเลทั้งหลาย ยืนอยู่ข้าง ๆ เรือ ตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำ มีวังเก่าที่ยังเหลืออยู่ก็รูปร่างพิลึก ชอบมีหอคอยห้อยอยู่ข้าง ๆ กำแพง เขาว่าจะได้เห็นศัตรูชัดไปทุกมุม

        เมื่อเดินเมื่อยตุ้มที่เมืองลิสบั่นประเทศโปตุเกส โคลัมบัสก็ตอดไปเที่ยวที่ประเทศเสปน Spain บ้าง

ตอนนั้นประเทศเสปนได้รวมตัวเป็นประเทศด้วยความสามารถของพระเจ้าFerdinand 2 ของ Aragon กับQueen Isabella แห่ง Castille โดยได้ขับไล่พวกแขกมัวร์กลุ่มสุดท้ายออกจากแหลม Iberia โดยยึดเมืองใหญ่สุดท้ายที่แขกพวกนี้อยู่คือเมืองกรานาดา Granada ได้

          โดยที่ทั้งสองพระองค์นี่ได้รวมรัฐของตัวเองมาเป็นหนึ่งด้วยการแต่งงาน แต่ว่าเรื่องเงินทองไม่เกี่ยวข้องกัน ของใครของมัน(แปลกดีเหมือนกัน ก็เหมือนผัวเมียสมัยใหม่ เขาก็ทำกันแบบนี้เหมือนกัน มีบัญชีแบงค์คนละเล่ม เขาเรียกว่า Prenuptial Property)

          ครั้งแรกเมื่อโคลัมบัสเสนอแผนการเดินทาง คนในวังของสเปน รวมทั้งพระเก่า ๆ ที่เมือง Toledo ได้แต่หัวเราะเห็นฟันหลอ สีเหลือง ๆ ติดขี้ฟันมาด้วย แต่ฟันยังนับดีอยู่พอสมควร เพราะไม่เคยเป็นโรคขาดวิตามินซี มีอย่างที่ไหนโลกมันกลม ไอ้อิตาเลี่ยนนี่คงกินสปาเก๊ตตี้จนเมาแล้วมั่ง พอด่าอีตาอิตาเลี่ยนเสร็จ ต่างก็ซดยาดองแมลงวันสเปนกันให้มันถึงใจสักที Spainish fly แม้คุณภาพอาจจะน้อง ๆ ของไวเอกร้าทีก็ยังดีกว่าไม่มีเลย

           ด้วยเพราะความตั้งใจและด้วยความเป็นคนรูปหล่อผมปรอนซ์ แถมครวญเพลงโอเปร่าภาษาอิตาเลี่ยนได้ด้วย จนเป็นที่โปรดปรานของพระนางอิซาเบลล่า โคลัมบัสก็ได้พยายามชักมหาสมุทรทั้งสองมาสนับสนุน (ตอนนั้นมีแต่สองมหาสมุทรเท่านั้น คือ แอตแลนติสกับอินเดียเท่านั้น ที่เขารู้จักกัน) จนพระนางชักใจอ่อน แต่พระองค์เฟอดินานด์ตัวพระสวามีเอง ไม่ค่อยใจอ่อนด้วยเพราะหมั่นไส้อีตาอิตาเลี่ยนนี่ชอบมาป้วนเปี้ยนกับเมียของตน หลังจากป้วนเปี้ยนอยู่นานถึง 7 ปี และเมื่อโปโตเกสบอกปัดไม่ช่วยเหลือสนับสนุนแผนของโคลัมบัส แถมด่ามาว่าเป็นแผนของคนบ้า พระนางอิซาเบลล่าเกิดใจอ่อนและสงสารอีอิตาเลี่ยนรูปหล่อนี่ และอยากให้สเปนรุ่งเรืองแข่งกับประเทศโปตุเกส ก็ควักเงินส่วนตัวออกมาช่วยเหลือเอง เพราะพระนางมีแบงค์แอคเคานต์ของตัวเอง ไอ้ที่ผมเล่ามานี่เรื่องจริงนะครับ ไม่เชื่อไปดูที่ตึกสภาของรัฐแคลิโฟเนีย มีพระนางนั่งจ๋องอยู่องค์เดียวอยู่กลางห้องโถง และมีตัวหนังสือบอกไว้อย่างนั้น เมื่อได้เงินแล้วก็ไปเตรียมตัวและจัดหาเรือ กัปตัน กลาสี อาหาร เครื่องมือการเดินเรือ เงินทองสำหรับกลาสี (โดยฝากไว้กับเมีย ถ้าผัวตายจะได้เอาเงินนี่ไปหามัวใหม่) เสียเวลาอยู่เกือบสามเดือน ได้เรือสำเภาขนาดเอี่ยมจุ๊นมาสามลำ ชื่อลำแรกว่า Santa Maria ลำสองว่า Pinta ลำสามเรียกว่า Nina นีญ่า แต่ละลำยาวแค่ 70--80 ฟุต คือยาวกว่าสระว่ายน้ำYMCA หน่อยนึง

 

           กลับไป ตอนที่ 2                                                  อ่านต่อ ตอนที่ 4 เร็วๆนี้

 

หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us 

 

                     ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                          Copyright 2005 Chulalongkorn University Alumni Association of California