สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ในเครือสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

                             ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

 

         

                               ประกวดนางงาม   

                                                                     ตอนที่ 5

                                                                                                          น.พ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช

 

เมื่อเมืองทรอยถูกถล่มเหมือนเมืองแบกแดดโดยนายบูช และอาจยิ่งแย่กว่านั้นอีกคือถูกปล่อยไฟเผาเมืองทั้งหมด ผู้ชายตายหมดแม้กระทั่งเด็ก แล้วเจ้าชายปารีสกับนางเฮเลนทั้งคู่จะหนีไปไหนได้

เมื่อแม่นางเฮเลนมาอยู่กับเจ้าชายปารีสนาน ๆ เข้าก็รู้ว่าเจ้าชายปารีสไม่ได้รักตัว เพียงแต่หลงเสน่ห์นางเสียมากกว่า นาน ๆ เข้าเสน่หาก็จางลง นายปารีสก็คงไปได้อีหนูตามใจตัว ทำให้นางต้องช้ำใจ และมารู้ว่านายปารีสนี่เป็นคนขี้ขลาดและปลิ้นปล้อนน่าดู เช่นตอนที่เอาธนูพิษไปยิงขุนพลอาคิลลิส Achillesนั้น โดยหลอกให้ขุนพลอาคิลลิสที่มาติดเสน่ห์น้องสาวของตัวเองที่ชื่อว่า Princess Polyxena ตอนไปเจรจาเรื่องขอแต่งงานที่โบสถ์แห่งหนึ่ง แล้วก็แอบยิงธนูที่อาบยาพิษไปที่เอ็นร้อยหวาย ที่เรียกว่า Achilles Tendon ซึ่งเป็นจุดอ่อนของขุนพลคนนี้ ทำให้เสียชีวิตไป

จุดอ่อนของขุนพลอาคิลลิสนี้เกิดเพราะตอนเกิดแม่เขาเอาตัวเขาไปจุ่มน้ำที่แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อว่า Styx ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไปสู่เมืองนรก เพื่อให้น้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ชโลมตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า น้ำขลังนี้จะป้องกันอาวุธและเภทภัยทุกอย่างมิให้เกิดอันตรายได้ แต่ตอนเอาลงไปจุ่มนั้น แม่เขาต้องจับที่ข้อเท้าทั้งสองข้าง ตรงเส้นเอ็นร้อยหวาย ที่ฝรั่งเรียกว่า Achilles Tendon เอาหัวลงจุ่ม ดังนั้นก็เหลือแต่ตรงส้นข้อเท้าทั้งสองข้างที่ไม่ถูกน้ำขลังนี้ จึงเป็นจุดอ่อนที่อาจถูกทำร้ายได้ แล้วเจ้าชายปารีสก็ได้สืบรู้ความลับนี้มา ถึงได้วางแผนชั่วนี้ได้ ส่วนความขี้ขลาดนั้นก็ตอนออกไปสู้รบตัวต่อตัวกับเจ้ามินิเลาส์นั้น ก็ต้องขอร้องให้นางเทพวีนัสมาช่วย โดยให้ลมพัดกลับเข้าเมือง  แทนที่จะสู้ด้วยใจนักรบ ยอมตายเพื่อแสดงความรักของเขาต่อนางเฮเลน

เบื่อครับอ้ายเจ้าชายขี้ขลาดและปลิ้นปล้อน นางจะหนีก็ไม่ได้ ก็ขอแต่เอาใจช่วยฝ่ายสามีเก่าที่มารบชิงนางครั้งนี้ ครั้งแรกก็ช่วยให้นักรบกรีกได้ขโมยของศักดิสิทธิ์ประจำเมืองของทรอย เพื่อให้ชาวเมืองทรอยเสียขวัญ นอกนี้ตอนกองทัพกรีกล่าถอยและทิ้งม้าไม้ยักษ์นอกเมือง นางยังได้ช่วยพูดหว่านล้อมให้รับม้าไม้เข้ามาในเมืองทรอยอีกด้วย

เมื่อเมืองแตกนางก็รีบไปหาตัวพระเจ้ามินิเลาส์ในกองทัพกรีก แล้วทั้งสองคนก็ได้คืนดีกันแล้วกลับไปอยู่เมืองสปาต้าตามเดิม Live happily ever.

เจ้าชายปารีสนั้น ต้องตายแบบทรมานด้วยลูกศรพิษของเฮอคิวลิสที่ทิ้งเอาไว้ หลังจากที่ตัวเฮอร์คิวลิสตายไปแล้วก็ให้ผู้ติดตามเก็บเอาไว้ ซึ่งลูกศรนี่สามารถยิงทะลุเกราะป้องกันตัวได้ทุกอย่าง และก็ลูกศรดอกนี้แหละที่ปารีสใช้ฆ่าขุนพลอาคิลลิส แล้วตัวเจ้าชายปารีสก็ต้องตายด้วยยาพิษที่มาจากลูกศรพิษตัวนี้ เพราะตอนไปถอนลูกศรตัวนี้ออกจากศพของอาคิลลิส แต่ไปโดนลูกศรบาดเอามือเข้า พิษเลยทำให้ร่างกายเน่าเปื่อยไปหมดทั้งตัวและส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วเมือง และได้ตายหลังจากที่ได้เห็นเมืองทรอยถูกทำลายลงไปต่อหน้าต่อตา

นี่คือผลจากที่นางเทพวีนัสอยากได้แค่ตำแหน่งนางที่สวยที่สุดในสวรรค์เท่านั้น อย่างที่เรียกว่า ฉิบหายช่างมัน ขอได้เป็นนางงามเท่านั้น

ความจริงแล้วนางวีนัสนับว่าสวยที่สุดในสมัยนั้น แม้จะไม่ต้องไปแข่งขันกับใคร เพราะรูปร่างนางอาจจะอั๋น อวบอัด คือว่าเต็มไม้เต็มมือดี ตามความนิยมของคนสมัยนั้น ผอมนักเขาหาว่าไม่มีอะไรจะกิน แล้วสมัยนั้นแม้กรีซจะเป็นประเทศเริ่มแรกที่แข่งขันกีฬาโอลิมปิคก็จริง แต่ผู้หญิงไม่ได้ถูกกล่าวถึงในกีฬาพวกนี้เลย ฉะนั้นคงไม่มีคำว่า Firm Buns หรือ Firm Abs เหมือนที่โฆษณาในทีวีในสมัยนี้ ผู้หญิงมีส่วนร่วมก็ตอนจุดไฟโอลิมปิคเท่านั้น

ยังมีผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่งที่มีการกล่าวถึงก็คือนักรบหรือนักล่าสัตว์หญิงเท่านั้น ที่เป็นนักรบหญิงที่โด่งดังที่สุดก็คือ นักรบสาวแอมมาซอน Amazon Warriors เป็นผู้หญิงที่รบเก่งมาก รูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อบึกบึน แต่เสียดายมีหน้าอก(นม) แค่ข้างเดียว คือข้างซ้ายเท่านั้น ข้างขวาโดยมากจะถูกตัดออก สาเหตุเพราะนมโตทางด้านขวามากจะขัดขวางต่อการยิงธนู ตอนเหนี่ยวสายธนู มันย่อมขัดไม้ขัดมือทำให้ยิงไม่แม่นยำ เลยตัดออกเสีย ก็ดีเหมือนกัน ป้องกันโรคมะเร็งของเต้านมได้ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ตอนแก่

นางเทพวีนัสนอกจากสวยที่สุดแล้วยังเป็นดอกสุวรรณที่โด่งดังที่สุดของสวรรค์ของโอลิมปิคทีเดียว การที่นางเป็นอย่างนี้ก็เพราะเจ้านายบนสวรรค์ จูปีเตอร์นั่นเองแหละ ทีแรกตอนนางเทพวีนัสมาร่วมสมาคมเทพนั้น จูปีเตอร์เห็นแล้วให้ตกตลึงในความสวยงาม ได้พยายามหลายครั้งที่จะจีบนางเป็นเมียให้ได้ แต่ยายเมียหลวงจูโนคอยขวางเอาไว้ทุกที เลยอด ไหน ๆ ก็อดกินเนื้ออ่อนแล้ว ก็เลยไม่อยากให้หนุ่มเนื้อหอมไหนมาชมเชยหยามน้ำหน้าได้ และดับความอิจฉาของตัวเอง เลยส่งเสริมยกนางให้เป็นเมียของลูกชายที่เกิดมาก็เป็นคนพิการขาเป๋ หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ชื่อว่า Vulcan เวาคั่น

นายเวาคันนี้ในภาษากรีกเรียกว่า Haphaestos เอฟีตอส แกเก่งทางการช่างกล ถ้าจะหาเกราะหรืออาวุธที่ดีที่สุดก็ต้องจากช่างคนนี้ นอกนี้ยังเป็นคนทำระเบิดมือ Thunderbolts ให้พ่อคือจูปีเตอร์อีกด้วย เพราะนั่นคืออาวุธอย่างเดียวของเขาที่ครองสวรรค์ได้

หลังจากนางเทพวีนัสได้แต่งงานกับเวาคั่นแล้วก็ได้ลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า Cupid คิวปิด เด็กที่มีปีกและชอบยิงธนูให้คนเขารักกัน หลังจากได้ลูกชายคนนี้แล้ว นางเทพก็เกิดโรคตัณหาจัดขึ้น เที่ยวไปเป็นชู้กับใครต่อใครไปหมด คนแรกก็เป็นเทพ Mercury เทพสื่อสารเที่ยวส่งข่าว Messenger มีปีกอยู่ที่ขาทั้งสองข้าง ที่เขาเอามาเป็นสัญญลักษณ์ส่งดอกไม้ให้คนไข้ทั่วประเทศ คนนั้นนั่นแหละ นางก็มีลูกกับนายขาติดปีกคนหนึ่ง ชื่อว่า Hemaphrodite คนนี้มีทั้งสองเพศติดตัว อาจจะเรียกว่าเป็นโคตรของการเล่นสองเพศก็ว่าได้ แต่ไม่ใช่แปลว่าเป็น Gay หรือ Lesbian พวกนี้เรียกว่า Homosexual แปลว่าชอบอย่างเดียว ส่วนคนธรรมดาเขาเล่นแบบ Heterosexual แปลว่าสลับกันเล่น ผมแปลไปแปลมาแล้วตัวเองก็ยังงงอยู่เหมือนกันว่าคนพวกไหนที่ผิดปรกติกันแน่ อ้ายของพรรคนี้ให้คิดเอาเองก็แล้วกัน อย่าเอาผมเข้าไปยุ่งด้วยเลย

ชู้คนต่อมาก็คือ เทพ Bacchus ผู้ที่แนะนำให้มนุษย์ทำไวน์และการเพาะปลูก นอกนี้ก็สอนให้รู้จักการมีปาร์ตี้และออจี้ Orgy คงเจอกันในงานออจี้นี่เองก็เลยได้เป็นชู้กัน แล้วเลยได้ลูกมาคนหนึ่ง คนนี้หน้าตาน่าเกลียด ชื่อว่า Priapus แถมมีองคชาติใหญ่เท่าช้าง เรียกว่า Elphantine Phallus (ผมแปลตามตัวอักษร ไม่ได้สัปดนสักนิด) ผัวน้อยอีกคนเป็นมนุษย์แท้ ๆ แต่รูปหล่อเป็นบ้าเลย ชื่อว่า Adonis อ้ายนี่เป็นนักล่าสัตว์ นางเทพวีนัสก็หลงรักอยู่สักพัก จนนาย อะดอนนิสนี่ถูกหมูป่าฆ่าตาย ก็เลยต้องหาชู้คนใหม่

ชู้ตัวเอกและเป็นคนที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้คือเทพแห่งสงครามชื่อ Mars นายคนนี้เป็นเทพเจ้าที่บุ่มบั่ม คือเป็นนักรบที่รบเก่ง แต่วางแผนไม่เป็น คือบอกว่ารบก็รบอย่างเดียว คือชอบออกแต่แรง รูปร่างดูบึกบึน มีกำลังวังชาแบบสู้ขาดใจเลย ไม่มีการรำมวยให้เสียเวลากันละ แบบนี้ถึงเป็นที่ถูกใจของนางเทพวีนัสเป็นที่สุด เลยเป็นคู่ขาอยู่นาน และก็มีลูกด้วยกันอีก วีนัสจะเอาใครมาเป็นชู้ ไม่เคยเป็นที่ปิดบังของชาวบ้านหรือเทวดาด้วยกัน ส่วนนายเทพเวาคั่นผู้ผัวก็รู้ เพราะมีคนมาแจ้งข่าวบ่อย ๆ คือผู้น้องเทพอปอลโล Apollo นายเทพเวาคั่นก็วางแผนจะจับทั้งสองคนให้ได้คาหนังคาเขาให้ได้ จะได้แก้แค้นสมใจ อย่างหนังบู๊ลิ้มว่า มีหนีต้องชำระกันละ

เพราะความเป็นช่างที่ยอดเยี่ยมเลยคิดทำร่างแหที่ทอด้วยด้ายทองอย่างละเอียดและแข็งแรงที่สุด แถมมองไม่เห็นด้วยสายตาธรรมดาเสียด้วย แล้วผูกไว้กับเสาเตียงทั้งสี่เสาเป็นกับดัก โดยมีกลไกติดอยู่นี้ ซึ่งจะถูกกระตุกด้วยน้ำหนักของคนบนเตียงเพิ่มขึ้น และมีการสั่นสะเทือนบนเตียงอย่างแรงด้วย  เมื่อวางกับดักเรียบร้อยแล้วก็บอกเมียว่าจะไปทำธุระต่างเมืองชั่วระยะนานหน่อย แต่ที่แท้ไม่ได้ไปไหนหรอก เพียงแต่หลบซ่อนตัวคอยดูละครของชู้และเมียเท่านั้น

นางเทพวีนัสเห็นผัวออกจากบ้านปั๊บก็ให้สัญญาณเทพเจ้ามาร์สมาหา จะได้สำเริงสำราญโลกีย์กันทันที ตามฉบับไม่ต้องรำมวยไหว้ครูก่อนให้เสียเวลา ระหว่างที่ถึงด้ายถึงเข็มอยู่ โดยแรงสะเทือนบนเตียงอย่างแรง กลไกก็ถูกกระตุก ทำด้ายที่มัดตาข่ายหลุด ตาข่ายเลยตกลงมาคลุมทั้งเตียง ถึงอย่างนั้นทั้งชู้และนางก็ยังไม่รู้ตัว  เทพเวาคั่นก็รีบแจ้งบอกเทพทั้งหลายให้มาดูฉากเริงรัก บอกแค่นี้ต่างก็เหาะหรือมุดดินมาอย่างรวดเร็ว พอเห็นหมู่เทพมากันเต็มห้องนอนทั้งวีนัสและมาร์สก็ตกใจ ต่างก็หาทางหนี แต่หนีไม่หลุดเสียแล้วเพราะตาข่ายทองคลุมไว้จนทั่วหมด นับว่าเป็นมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ในหมู่เทพครั้งนี้ ต่างก็ได้ชื่นชมถึงความสวยงามทุกขุมขนของนางเทพวีนัส ส่วนเทพหญิงก็คงดูของเทพมาร์สว่ามันมีอะไรดีนักหนาวีนัสถึงหลงติดใจหนักหนา

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว เทพวีนัสก็หายหน้าไประยะหนึ่ง กว่าจะได้มีโอกาสไปทำเรื่องเฉาโฉ่กันใหม่

เรื่องเซกส์แบบนางเทพวีนัสนี้ทำให้เกิดโรคติดเชื้อทางเพศได้หลายอย่าง สมัยหนึ่งเขาเลยตั้งชื่อรวม ๆ  กันว่า Venereal Diseases หรือโรคของวีนัส เพื่อให้เกียรติแก่เธอ (แต่เดี๋ยวนี้เขาเรียกว่า STD Sexual transmitted Diseases)

การมีชู้สู่ชายแบบวีนัสอย่างไม่อายผีสางเทวดานั้นทำให้นึกถึงเพลงของสุนทราภรณ์เพลงหนึ่ง ร้องโดยนายวินัย จุลบุษปะ มีเนื้อร้องแต่งโดย แก้ว อัจฉริยะกุล มีข้อความว่า

"อันนางบุญใจบาปหลายหลากมากมาย ผัวมีเคียงกาย ใจง่ายมิได้อดสู ใจเบาเบือนพอผัวลงเรือนไม่อยู่ คบชายเชิงชู้ ทำไปไม่รู้เกรงกลัว"

 

               กลับไป ตอนที่ 4                                                                      

                                                         กลับไป มุมนักอ่าน พบ นักเขียน    

    

หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us             

                                                       

                     ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                          Copyright 2008 Chulalongkorn University Alumni Association of California