สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ในเครือสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

                             ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

 

         

                              Olympic Games   

                                                                     ตอนที่ 1

                                                                                                          น.พ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช

  

คนกรีกโบราณมีนิสัยชอบการกีฬา เพราะเป็นการฝึกฝนตัวเองให้แข็งแรงและสุขภาพที่ดีรักษากฎระเบียบ เพื่อรับใช้ประเทศยามมีสงคราม  และการแข่งขันทางกีฬาก็เป็นการฝึกฝนตัวเองชนิดหนึ่ง ในทางเพื่อความเป็นที่หนึ่งแก่ตัวเอง ดังนั้นจึงมีการแข่งขันกีฬากันในถิ่นต่าง ๆ ทั้งของตำบล หรือรัฐทุกปี หรือสองปี

สถานที่สำคัญของคนกรีกโบราณคงไม่มีที่ไหนจะสำคัญเท่าที่ Olympia นี่ละ เพราะที่นี่แหละเป็นที่สุดของการแข่งขันทั้งหลาย ของชาวกรีกโบราณ แม้จะมีสถานหรือสเตเดี่ยมอื่น ๆ ของเมืองต่าง ๆที่มีการแข่งขันกันก็จริง เช่นที่เอเธนส์เรียกว่า Pythian Games ที่เดลไฟ Delphi (ภาษากรีก ตัวสะกด I ต้องออกเสีย ไอ เหมือนโบสถ์ SOPHI ก็ต้องอ่านว่า โซไฟ) ทุกสี่ปี ที่เมือง Argolis และที่เมือง Corinth ทุกสองปี แต่เขาถือว่าพวกนี้มันจิบจ๊อย ที่ยอดบิ๊กต้องที่โอลิมเปียนี่แหละ เนื่องจากกีฬานี้เริ่มต้นจากคำบัญชาของพระเจ้าที่เขาโอลิมปัส Olympus เพื่อเป็นการแสดงเชิดชูถึงพระเกียรติคุณของพระเจ้าแห่งเจ้าทั้งหลายบนสวรรค์ Olympus นั่นคือ พระเจ้าซุส Zeus หรือจูปีเตอร์

สถานที่นี้ มันเป็นสถานที่ที่พระเจ้าเลือกสรรเอาไว้แล้ว รู้ได้โดยคำที่ออกจากปากของคนเข้าทรง หรือตัวแทนของพระเจ้า Apollo ณ สถานศักดิ์สิทธิ Delphi Oracle (พระเจ้า ซูสคงไม่สามารถมาบอกเอง เลยให้บอกผ่านทางคนทรง) ซึ่งห่างจากสถานแข่งกีฬานี้ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 175 ไมล์ จากคำของพระเจ้าผ่านคนทรงนี่ ก็เลยกลายเป็น Olympia Games ในสมัยนั้น มันเป็นงานที่จะต้องมีขึ้นทุกสี่ปี ไม่ว่าจะมีสงครามมาก่อน ฝนตกฟ้าร้องก็ตาม ต้องหยุดทุกอย่างแม้แต่สงคราม เพื่อมาแข่งขันกีฬากัน สำหรับคนที่เรียกตัวเองว่า Hellenes หรือ Elinas เพราะเขาเรียกประเทศเขาว่า Hellas ในสมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันนี้ ประเทศกรีซจะพยายามใช้ชื่อประเทศเขาว่า Ellas

            ผมยังจำคำร้องในเพลงเชียร์กีฬาได้ว่า กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ ฮ่าไฮ้  คนกรีกสมัยโบราณนั้นก็คงร้องเพลงนี้เหมือนกันแหละครับ เพราะเราแปลจากของเขามา แต่เป็นภาษีกรีก คนกรีกโบราณนั้นชอบการออกกำลังกาย และการแข่งขันทางกีฬาอย่างมาก แต่เป็นการแข่งกีฬาที่เป็นคน ๆ ไป เขาไม่มีกีฬาที่แข่งกันเป็นทีม เช่นฟุตบอล หรือบาสเกตบอลอย่างปัจจุบันนี้ เพราะเขาฝังหัวว่าคนที่เก่งในกีฬานั้น ๆ จะต้องมีอยู่แค่คนเดียว จะเก่งทั้งทีมไม่ได้

การแข่งขันหรือการฝึกของผู้ชาย เขาจะต้องถอดเสื้อผ้าออกหมด ให้โชว์ความสง่างามของร่างกายที่สวยงาม ดังหุ่นของพระเจ้าซุสหรือจูปีเตอร์นั่นแหละ เพราะผู้ชายทุกคนสร้างขึ้นมาให้มีหุ่นเหมือนของพระเจ้า (หมายถึงผู้ชายนะครับ) มันเป็นการโชว์ให้เห็นถึงกล้ามเนื้อทุกส่วนที่ทะมัดทะแมง ไม่หย่อนยานอ่อนปวกเปียก การที่มีพุงยื่นนั้นถือว่าเป็นการเสื่อมเสียเกียรติอย่างมาก Disgrace ดังนั้นคนกรีกโบราณ ถึงแม้อายุมากก็ยังคงรักษาหุ่นเอาไว้ อาหารของคนกรีกสมัยนั้น ไม่ได้เป็นพวกที่มีไขมันเยอะ และไม่พิศดารในการทำปรุงสรรเพื่อความอร่อย คนส่วนมากจะทานแค่สองมื้อต่อวัน ชอบเหล้าไวน์และน้ำมันมะกอก ดังนั้นจึงไม่ค่อยเห็นรูปแกะสลักคนไหนที่มีพุงยื่นเหมือนหมู

สถานที่ถูกเลือกให้มีการแข่งขันเกมโอลิมเปียนี้อยู่ทางตอนเหลือของแหลม Paloponnese แพลาปอนนิส แถบเมือง Elis หรือ Atis อยู่ระหว่างแม่น้ำสองสาย คือ Alfeios กับ Kladeos เป็นพื้นราบที่กว้างขวาง และได้น้ำจากสองแม่น้ำนี้ที่ทำให้พื้นดินแถวนี้เขียวชอุ่ม ถิ่นนี้เคยเป็นสถานแข่งม้าเลือกคู่ที่โหดเหี้ยม โดยเจ้าเมือง Pisa ที่อยู่บนถิ่นนี้มาก่อน กษัตริย์ Pisa มีลูกสาวที่สวยมากชื่อว่า Hippodameia มีผู้ชายมากมายจากหลายเมืองมาสู่ขอ พ่อตาก็เลยเลือกวิธีที่จะได้ลูกเขยที่เก่งกล้า ท่านกษัตริย์เลยให้หนุ่มทั้งหลายมาแข่งกีฬาแข่งรถม้ารบ Chariot กับเจ้าคุณพ่อกันในสนามแข่งรถม้ารบนอกเมือง ตั้งชื่อสนามม้าแห่งนี้เพื่อให้เกียรติแก่ลูกสาวเรียกว่าสถานแข่งม้า Hippodrome ถ้าใครแพ้ว่าที่พ่อตาก็จะถูกจับฆ่าเสีย

มีไอ้หนุ่มหน้าเซียวและซวยสิบสามคนต้องมาถวายชีวิตแก่แม่สาวคนนี้ แล้วอยู่ ๆ ก็มีเจ้าชายมาจากเมือง Lydia ซึ่งอยู่โน่น ทางอีกด้านตะวันออกของทะเลอีเจี้ยน ซึ่งเป็นทางเอเชียไมเนอร์ (ปัจจุบันเป็นของเตอรกี)มาท้าแข่งด้วย ชื่อว่าเจ้าชาย Pelops อ้ายหนุ่มนี้หน้ามันมีซันแทนดี ไม่เซียวและไม่ซวย ก็คงต้องถอดเสื้อผ้าเหลือแต่ผ้าเตี่ยว(เป็นกีฬาอันเดียวที่เขาให้ใส่เสื้อผ้า) ยืนบนรถรบ Chariot หุ่นอ้ายหนุ่มนี่เหลือร้าย ดูทุกส่วนช่างแข็งแรงไปหมด  ด้วยความเก่งกล้าก็เลยชนะพ่อตาในอนาคตอย่างขาดลอย เลยได้แม่สาวไปครอง แล้วก็เป็นเจ้าเมืองแทนพ่อตานั่น ข่าวไม่ได้บอกว่าชนะแล้วจะต้องฆ่าพ่อตาด้วยหรือเปล่า หรือพ่อตาแกแก่ตายเลยยกตำแหน่งเจ้าเมืองแถมลูกสาวไปด้วย ด้วยความเก่งกาจและกล้าหาญ เลยได้รบและครอบครองทั้งคาบสมุทรแห่งนี้ เลยใช้ชื่อเรียกว่า คาบทะเล Peloponese

ที่แท้ Peloponese มันเกือบจะเป็นเกาะหนึ่งทีเดียว แต่มีสะดือ Isthmus ยาวสี่ไมล์ติดกับทางเอเธนส์ ที่เมืองท่า Corinth อันสะดือ Corinth Isthmus นี่กรีกสมัยโบราณ และโรมันสมัยจักรพรรดิ์ Nero ได้พยายามจะขุดเป็นคลองทางลัดเพื่อให้เรือวิ่งผ่านอย่างสะดวกระหว่างทะเล Adriatic กับ Aegean นี่ แต่ไม่สำเร็จ เพราะมันประกอบด้วยหินทั้งแท่ง แข็งมาก มาสำเร็จเป็น Corinth Canal เมื่อรู้จักใช้ดินระเบิดเมื่อปี 1893 นี่เอง คาบสมุทร Peloponnese เลยกลายเป็นเกาะจนได้

          พระเจ้า Apollo เป็นองค์ที่เห็นว่าเจ้าชาย Pelops นี่เป็นนักกีฬาชั้นเยี่ยม เลยให้เกียรติสถานที่รจนาเสี่ยงพวงมาลัยเลือกคู่นี้ เป็นถิ่นที่จะแข่งขันกีฬาของชาวกรีกทั้งหมด เพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าแห่งขุนเขา Olympos สถานที่นี้อยู่นอกเมือง Altis หรือ Elis มีบริเวณกว้างมาก พระเจ้าจูปีเตอร์ต้องการสถานที่นี้เป็นสนามกีฬาและแหล่งชุมนุมของชาวกรีก โอลิมปิดเกมนี้เดิมเรียกว่า Panhellenic Games ขนาดลงพระหัตรจัดการถากถางป่าไม้แถบนี้ด้วยขวานฟ้า Thunder bolt สถานที่นี้เลยเปลี่ยนชื่อว่า Olympia ตรงกลางเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นโบสถ์ของเทพพระเจ้าซีอุส และเทพพระเจ้าคุณนาย Hera  เฮร่า นอกนี้ยัง มีสระน้ำพุของนางอัปสรนางไม้ (นางตานีด้วย) Nymph ที่เก็บของบูชาเซ่นไหว้ Treasure ที่ประชุมแบบตึกมุงหลังคา มีที่จุดไฟบูชา Altar of Zeus และทุกสี่ปี

           ถ้าเคยอ่านเรื่อง เจ็ดมหัศจรรย์ของโลกโบราณ พระวิหารพระเจ้าจูปีเตอร์นี่เป็นหนึ่งในเจ็ดนั่นแหละ พระวิหารนี่สร้างในราวปี 450 BC สร้างอยู่เกือบ15ปี เมื่อพระวิหารสร้างเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ขอร้องให้นักปฏิมากร Phidias คงต้องอ่านว่า ไฟดิแอส จากเอเธนส์ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง เคยสร้างพระรูปของพระนาง อธีนา ในวิหาร Pathinone บนยอดเขาอะครอปโปริส Acropolis ครานี้เอาให้มันใหญ่เข้าไปอีก เป็นพระรูปจูปีเตอร์แบบนั่งบน    บัลลังก์ สูง 40 ฟุต เป็นรูปไม้หุ้มด้วยทอง และงาช้าง รอบ ๆ ล้อมด้วยสระน้ำเล็ก ๆ บรรจุน้ำมันมะกอก กันไม่ให้งาช้างมันร้าวเพราะความแห้ง

นอกกำแพงของสถานศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นที่ฝึกซ้อมการกีฬาทั้งหลาย Gymnasium ที่พักผ่อนของนักกีฬาระหว่างฝึกซ้อม สถานที่แข่งม้า Hippodrome โดยเฉพาะ สถานที่แข่งขันการกีฬา Stadium แบบไม่มีที่นั่งแบบอัฒจันทร์ ต้องนั่งกับพื้นหญ้า หรือยืน คนที่ยืนดูคงจะตื่นเต้นกว่า คนดูต้องใส่เสื้อผ้าครับ จะมายืนร่า ๆ ไม่มีเสื้อผ้าไม่ได้ และผมคิดว่าคนที่ดูแล้วตื่นเต้นคงเป็นผู้หญิงมากกว่า เพราะว่าผู้ชายที่แข่งขันกันทุกคนล่อนจ้อน ไม่ใส่อะไรเลย เพราะเขาห้าม ดูกีฬาอย่างนี้ดีกว่าไปเสียสตางค์ดูผู้ชายโป๊ที่ไนท์คลับ Chippeandale’s ชิปเปินเด็ลเสียอีก ยกเว้นแต่กีฬาแข่งม้าเท่านั้น ไม่ว่าแข่งรถม้าหรือม้าแข่งอย่างเดียวที่คนแข่งเขาจะมีเสื้อผ้าติดตัวอยู่ เพราะเขาให้รางวัลแก่เจ้าของม้าเท่านั้น ส่วนคนแข่งไม่เกี่ยว เพราะโดยมากจะเป็นทาส ดังนั้นเลยไม่ต้องมีเกียรติถึงกับต้องถอดล่อนจ้อน(ขอโทษ ลืมไปว่าเขาไม่ให้ผู้หญิงเข้าไปดูการแข่งขันกัน นอกจากพวกนางเฝ้าโบสถ์คอยให้ไฟของพระเจ้าเจิดจ้าตลอดเวลาเท่านั้น) และคนแข่งม้าไม่จำเป็นต้องเป็น Freeman มีอยู่รายหนึ่งที่จ๊อกกี้เป็นเด็กอัฟริกันเสียด้วยซ้ำ(มีรูปปั้นบรอนส์ที่ลือชื่ออยู่ในมิวเซี่ยม)

นับว่าสถานกีฬาโอลิมเปียนี่ใหญ่มากทีเดียว นอกนี้ยังมีทุ่งหรือลานกว้างขวาง ตอนฤดูแข่งขันจะมีกษัตริย์ ดิ๊กเตเตอร์ Dictator คอลซุล Consule. First Citizen (หรือประธานาธิบดี) ต่าง ๆ มาชมการเข่งขันกันมากมาย ก็ต้องตั้งเต๊นท์นอนกันกลางทุ่ง เต็มไปหมด

เสียดายกีฬาโอลิมปิคถูกสั่งให้หยุดแข่งขันหลังปี AD 393 ซึ่งเป็นปีที่มีการแข่งขันครั้งที่ 293 คือ 1169 ปี หลังจากมีการกีฬาครั้งแรก โดยคำสั่งของพระเจ้าจักรพรรดิ์ Theodorius 1 แห่งกรุงโรม เพราะธีโอโดเรียสองค์นี้เป็นชาวคริสต์ จึงไม่อยากให้ชาวกรีกบูชาพระเจ้านอกรีต Pagan god ต่อไป และการแข่งขันเพื่อบูชาเจ้านอกรีต นอกนี้ยังอุจาด เพราะเล่นถอดเสื้อผ้าแข่งขันกีฬากัน(ตามคำสอนของศาสนาคริสต์)

สถานนี้ถูกแผ่นดินไหวจนพังหมด ตอนกลางศตวรรษที่หก มันไหวอย่างแรงมากจนตึกราม มหาวิหาร สถานที่แข่งขันนี้พังทลายลงจนหมดสิ้น แล้ว่อมาก็มีน้ำท่วมจากแม่น้ำที่ล้อมรอบทั้งสองด้านหลายครั้ง ดินทรายที่พามาก็เลยกลบสถานนี้จนมิดชิด ไม่มีซากให้เห็นอีก จนมีการขุดหากันในปี AD 1829 โดยชาวฝรั่งเศส ได้พบซากตึก รูปปั้น ทรัพย์สิน อาวุธโบราณมากมาย โดยเฉพาะชิ้นที่ได้ชัยชนะโดยตัดหัวศัตรู หรือแทงพุงศัตรูจนตาย โล่ห์ที่แทงไม่เข้า หอกที่สามารถแทงทะลุของทุกอย่าง โดยนักรบทั้งหลาย  ซึ่งได้ถูกนำมาบูชาที่วิหารนี้ตอนเฟื่องฟู ของบูชาที่สะสมไว้มากมาย รูปสักหรือทองสำลิดหล่อของกษัตริย์ นักรบต่าง ๆ นักอะไรต่อมิอะไรที่พอจะให้คนปั้นรูป เช่นอริสโทเทิล พลูโต ตลอดระยะเวลาพันกว่าปีที่มีกีฬาโอลิมปิค ที่ได้ขอมาตั้งบูชาเทพเจ้าองค์นี้ ได้ถูกตั้งไว้รอบ ๆ พระวิหารเต็มไปหมด ไม่ใช่เป็นการโอ้อวด เต๊ะท่า แต่เป็นการแสดงว่าขอรับใช้พระเจ้าทุกเวลาเมื่อต้องการเรียกหา เราเลยรู้ว่ากษัตริย์ นักรบ นักกีฬามีชื่อ นักกวี นักปราชญ์ โปรเฟสเซอร์ ดอกเตอร์ หมอดู หมอรำ นัก’sทั้งหลาย รวมทั้งเศรษฐีต่าง ๆ หน้าตาเป็นยังไงก็โดยรูปปั้นพวกนี้แหละ รูปปั้นที่ทรงคุณค่าพวกนี้เคยถูกขนไปไว้ที่กรุงโรม ในสมัยโบราณ และประเทศฝรั่งเศสในสมัยปัจจุบันเสียมากมาย

 

                                                                                                    อ่านต่อตอนที่ 2                                

                                                          กลับไป มุมนักอ่าน พบ นักเขียน    

    

หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us             

                                                       

                     ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                          Copyright 2008 Chulalongkorn University Alumni Association of California