ABOUT US | EVENTS | NEWS | ALUMNI BOARD | WEBBOARD | CONTACT US |
||
หลวงจีน ตอนที่ 13 นพ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช
แม่ยั่วเมืองคนแรกของจีน คนจีนนี่ช่างไม่ยอมเห็นผู้หญิงได้เจริญงอกงาม จะไม่ยอมให้มาเทียบเท่าผู้ชายเด็ดขาด ทั้งที่ แม่ พี่น้องสาว ลูกสาวก็เป็นผู้หญิง ผมเองก็มีลูกสาว และมีลูกชายด้วย เมื่อลูกชายผมเขาเรียนจบ MBA ได้ ผมก็พยายามให้ลูกสาวผมเรียน MBA เหมือนกัน แต่ก็โดนคนจีนด้วยกันค่อนแคะว่า เมื่อลูกสาวแต่งงานออกไปก็ใช้นามสกุลอื่น ไม่ได้มาเชิดชูนามสกุลของเรา ผมเลยตอบว่า ช่าวหัวมันนามสกุลผมก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญ ไม่จำเป็นต้องมาสืบสกุลของผมให้มันยุ่งนัก เรื่องที่คนจีนในแผ่นดินใหญ่สมัยคอมมิวนิสต์รุ่งเรือง ถูกบังคับให้มีลูกเพียงคนเดียวในครอบครัว เพื่อลดจำนวนพลเมืองลง แต่ละครอบครัวก็พยายามทำลูกชายให้ได้ เพื่อสืบตระกูล ดังนั้นข้าง ๆ เตียงคนไข้ที่จะคลอดลูกถึงต้องมีถังน้ำอยู่ใบหนึ่ง ถ้าเป็นลูกสาวก็กดหัวให้จมน้ำตาย อย่างนี้ก็มีสิทธิ์ทำลูกใหม่ ลุ้นว่าคราวต่อไปอาจจะได้ลูกชาย เพราะโอกาศมันห้าสิบห้าสิบอยู่แล้ว ที่อินเดีย แขก ก็มีวิธีการที่คล้ายกัน คือแถวตรอกซอกเล็กซอกน้อยในเมืองใหญ่จะมีร้านหมอเปิดกันเกลื่อน และติดป้ายโฆษณาว่า SEX THERAPY ทีแรกผมก็คิดว่ารักษาโรคจาโบ๊ฮวน (โรคผู้หญิง) หรือเปลี่ยนเพศโดยตัดดอกพุ่มพวงทิ้ง(ลักษณะเหมือนเครื่องหมายของการบินไทยนั่นแหละ) ผิดครับ ในหนังสารคดีที่ผมดู เขาถ่ายให้เห็นว่าคนที่ทำการเปลี่ยนเซ็กนี่เป็นหมอจริง ๆ เขาจะมีเครื่อง Ultrasound ที่ใช้ตรวจดูลูกในท้องของหญิงที่ท้องเกินสี่ห้าเดือนแล้ว เมื่อผู้หญิงอินเดียนที่ท้องและอยากจะเปลี่ยนเพศในท้อง เมื่อให้หมอตรวจท้องแล้ว ถ้าตรวจออกมาว่าเป็นผู้ชายก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ต้องทำอะไรต่อ รีบจ่ายเงินค่าตรวจ แล้วเอารูปถ่ายนั้นไปโชว์ให้ผัว และแม่ผัวดู แต่ถ้าตรวจออกมาแล้วไม่มีดอกพุ่มพวงติดอยู่ หมอเขาก็จะทำการเปลี่ยนเพศให้ โดยการทำแท้งเดี๋ยวนั้น เป็นอันเสร็จเรื่อง แล้วก็กลับบ้านไปเริ่มต้นทำลูกใหม่ ผมถึงเข้าใจต่อการรักษาแบบ SEX THERAPY คราวนี้เอง เอ้อ! จริง ๆ นะครับ มีผู้อ่านส่ง อีเมล์มาลงในหนังสือพิมพ์ถามผมว่า ถ้าจะให้ทำมดลูกขึ้นมาใหม่ จะต้อง เตรียมตัวทำยังไง เขาจะผ่ายังไง เสร็จแล้วจะให้ทำยังไงต่อ ผมอ่านปัญหาเสร็จแล้วก็ได้แต่ แล้วก็คิดจะไปถามเพื่อนที่เชี่ยวชาญทางโรคสตรี แต่มาฉุกคิดได้ว่า ผู้ถามคงไม่ใช่บุคคลธรรมดา ควรจะต้องไปถามหมออีกอย่าง คือเพื่อนผม นายแพทย์ปรีชา เตียวตรานนท์ แพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนเครื่องเพศในประเทศไทย ไม่ต้องถามเพื่อนผมก็ได้ ผมจะตอบให้เอง คือว่า ถ้าคุณเกลียดดอกพุ่มพวงโลโกของการบินไทยจริง ๆ ก็ไปตัดออก แล้วเขาอาจคว้านรูให้ แล้วเอาลำไส้ใหญ่บางส่วนโยกย้ายมาต่อที่ช่องร่วมเพศใหม่นี้(คงไม่เรียกว่าช่องคลอด เพราะคลอดไม่ได้หรอก) เสร็จแล้วก็เสริมนี่เสริมนั่นให้ใหญ่ แถมฉีดฮอร์โมนหญิง แค่นี้ก็คงจะพึงพอใจแล้ว อย่าไปเสียเวลากับการอยากมีลูกเลย มันยุ่งยากกว่านั้นอีกมาก เพราะยังไง ๆ คุณก็ไม่มีไข่ตกลงมาสำหรับผสมพันธุ์อยู่แล้ว ไปเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงก็แล้วกัน สบายกว่าเยอะ หวังว่าคำตอบของผมคงจะแก้ความอยากเป็นผู้หญิงเต็มที่ได้นะครับ เวรกรรมจริง ๆ มีของดีก็ไปตัดเอาออกเสียนี่ ในประเทศจีนนั้น เวลาชาติบ้านเมืองเกิดมีผู้หญิงขึ้นทำการปกครอง ก็มีนักเขียนประวัติศาสตร์ออกมาด่านางเสียจนคล้ายเป็นโสเภณี ร่านสวาทอะไรทำนองนี้ และถ้าบ้านเมืองเกิดกลียุคก็โทษว่ากษัตริย์ถูกแม่ยั่วเมืองเอาเสียจนหมดสภาพเป็นผู้ปกครอง คนเขียนประวัติศาสตร์เหล่านี้มักเป็นผู้คงแก่เรียน เรียกว่าพวก หยู (ต่างจากพวกเต๋า หยูคือผู้นับถือศาสนาหรือระบบลัทธิของขงจื๊อ ) โดยเฉพาะในคัมภีย์สั่งสอนของขงจี๊อ ทุกอย่างในคำภีย์นั้นเป็นคำประกาศิตหมด จะยกตัวอย่างให้ดู มีบทหนึ่งสอนว่าถ้าพี่สะใภ้ตกน้ำ แม้จะว่ายน้ำไม่เป็น น้องผัวจะลงไปช่วยไม่ได้ ต้องปล่อยให้จมน้ำตาย ดีกว่าจะเป็นมลทินมัวหมอง เพราะถูกผู้ชายอื่น แตะเนื้อต้องตัว แต่ถ้าเกิดช่วยขึ้นมาได้โดยน้องสามี ก็จงฆ่าตัวตายเสียทีหลังดีกว่าจะเป็นที่กล่าวหาของคนทั่วไป อีกข้อหนึ่ง ถ้าผัวตายแม้ตัวเองจะสาวอยู่ ถ้าเกิดไปมีผัวใหม่ เขาจะด่าเอาทั้งหมู่บ้าน โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในครอบครัวของผัวที่ตายไป ถือว่าเป็นการทรยศต่อผัวเลยทีเดียว แต่ถ้าไม่แต่งงานอีก จะถูกยกย่องว่าเป็นผู้หญิงมีจรรยาแพทย์ อุ๊บ! จรรยาหญิงสูงส่ง ถึงแม้จะไม่มีใครมาเลี้ยงอด ๆ หยาก ๆ ก็ต้องทนอยู่ต่อไปเพื่อศักดิ์ศรี และจะได้ป้ายยกย่องจากพระมหากษัตริย์ อีกเรื่องก็คือเรื่องที่ฝังจิตฝังใจคนจีนคือถ้าพ่อแม่ถูกฆ่า จงให้ฝังจิตฝังใจ ไปแก้แค้นให้ได้ อย่ามีการอภัยกัน เราถึงมีหนังกองฟูจำพวกนี้ให้ดูมากมาย แม่ยั่วเมือง ประเทศจีนนี่เดิมทีในประวัติศาสตร์ แม่จะเป็นผู้นำในการสร้างครอบครัวและชาติทีเดียว เล่ากันว่าในประวัติศาสตร์จีนเริ่มแรกเมื่อหกเจ็ดพันปีก่อนนั้น การสืบสายตระกูลต้องสืบโดยทางแม่ เพราะสมัยนั้นเป็นสมัยของการเพราะปลูก มีความสงบ ยังไม่มีการรบพุ่งฆ่าฟัน ขยายดินแดนกัน เลยถือว่าแม่เป็นใหญ่ในครอบครัว จะเห็นว่าในชื่ของผู้นำสมัยโบราณจะเป็นเพศของผู้หญิงเสียมากกว่า จนเมื่อคนจีนเริ่มตั้งตัวเป็นใหญ่เมื่อสองพันปีหลัง ถึงได้ให้ผู้ชายเป็นใหญ่ เพราะต้องรบพุ่งกันบ่อยครั้ง และได้ตั้งตัวกันเป็นอ๋องเป็น ตี้กัน เลยเปลี่ยนการสืบทอดสกุลหนักมาทางพ่อ ราชวงศ์แรก ราชวงศ์แรกของจีนเรียกว่าราชวงศ์ แฮ่ คือก่อนค.ศ. 2000 ในราชวงศ์นี้ มีแต่สิ่งก่อสร้างที่เหลือให้เห็น แต่ไม่มีหลักฐานบันทึกทางประวัติศาสตร์อย่างอื่นให้เห็น คนจีนก็เลยเล่าเป็นนิยายขึ้นมาจริงบ้างไม่จริงบ้าง แต่ที่ผมจะเล่าเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ราชวงศ์นี้จะล่มจมให้แก่ราชวงศ์ต่อมาคือราชวงศ์ เซียง เข้าใจว่าผู้ก่อตั้งราชวงศ์แฮ่นี้ คือพระจักรพรรดิ์เหลืองที่ลือชื่อ นางเฉิดโฉมที่เกี่ยวพันกับการล่มจมของราชวงศ์แฮ่(บางภาษาของจีนเขาให้อ่านว่า เฮี่ย คงไม่เกี่ยวกับตัวสัตว์จัญไรของไทยเราแน่) นางเป็นสาวงานต่างถิ่นของฮวน ในแคว้นชื่อ โหย่วซือ ทางตะวันตกของจีน คือค่อนไปทางซินเกียงนั่นแน่
เมื่อครั้งพระเจ้าเจี๋ยซึ่งเป็นพระเจ้าองค์สุดท้ายของราชวงศ์เซี่ย ตอนต้นราชการ ประเทศก็ยังรุ่งเรืองอยู่ ได้แผ่อำนาจทางทหารเข้าพิชิตแคว้นหรือเมืองโหย่วซือ เมื่อพิชิตเมืองโหย่วซือได้แล้ว นอกจากกวาดต้อนผู้คนช้างม้าวัวควายไปมากมายนอกนี้แล้ว พระเจ้าเจี๋ยก็ถามพระเจ้าเมืองโหย่วซือที่แพ้สงคราม “ประเทศลื้อมีผู้หญิงสวย ๆ ไหมว้า ถ้าหาแปะแป๊ะ เหงี่ยเงี้ยให้อั๊วชอบใจสักคน อั๊วก็ปล่อยชีวิตลื้อ อั๊วจะให้เวลาลื้อไปหามาให้ได้ภายในสามเดือน ไม่งั้นหัวลื้อมีหวังหลุดแน่” อ๋องเมืองโหย่วซือได้รับบัญชาดังนี้ก็ขอเร่งรีบเสาะหาสาวงาม เพื่อจะได้นำเข้าถวาย ส่วนพระเจ้าเจี๋ยเมื่อชนะศึกสมใจ และได้รับคำมั่นเหมาะจะได้สาวงามชาวฮวนมากอดเล่น ก็สมพระทัย ยกทัพกลับบ้านด้วยรื่นรมย์ เมื่ออ๋องโหย๋วซือรับปากแล้วก็ประกาศหาสาวงานทันที ก็ได้มานางหนึ่ง สวยจริง ๆ ด้วย หน้าตาคมสัน สูงโปร่ง ผิวขาวมาก ก็เพราะนางมาจากเผ่าเติร์กทางซินเกียง มีเชื้อแขกขาวมาด้วย แถมนางยังใส่กางเกงขี่ม้าได้ด้วย ล่าสัตว์ก็เก่ง นิสสัยเป็นคนป่าเถื่อนแบบคนทางทะเลทราย ชอบความรุนแรง แม้แต่เรื่องบนเตียงก็ต้องรุนแรงไปด้วย แต่นางมีชะตาราศีที่น่ากลัวมากตามการทำนายแบบชาวฮวนว่า นางจะทำให้ชาติบ้านเมืองต้องล่มจม แต่ไม่บอกว่าบ้านเมืองไหน เมื่อเอาอีนางนี่เข้าบ้านเข้าเมือง แต่การทำนายแบบของจีนอาจไม่เป็นไรก็ได้ (เพราะตำราโหร ทำนายกันคนละเล่มกัน และต่างก็ยกเมฆขึ้นมากันเอง แล้วมันจะตรงกันได้ยังไง ไม่มีมาตรฐานแบบ อินเตอร์เหมือนสมัยนี้ เพราะเป็นซอฟท์แวร์หมอดูขายกันทั่วไป) นางนี่เป็นลูกสาวคนที่สี่ พ่อแม่เลยตั้งชื่อว่า เหม่ยสี่ พอคลอดเสร็จแม่ก็ตาย ตรงตามตำราโหรที่ทำนายไว้ที่เดียว นางนี่นอกจากสวยอย่างเย้ยฟ้าท้าดิน องอาจแบบผู้ชายแล้ว ผมของนางยังยาวสรวยและหอมด้วย เป็นสีบรอนหรือเปล่าไม่พยักบอกเอาไว้ เมื่อนางถูกรับเข้ามาในจวนของอ๋องโหยวซือของแคว้นฮวนแล้ว ก็ได้รับการขัดสีฉวีวัน คือเตรียมตัวให้พร้อมก่อนส่งไปเมืองจีน แล้วก็สอนขนบธรรมเนียมของคนจีน เช่นใช้ตะเกียบเป็น อย่าล่อกันด้วยมือเปล่า โดยเฉพาะมือซ้าย ซึ่งมีไว้ล้างก้นเท่านั้น ให้ดื่มเหล้าจากถ้วยทองเหลือง อย่าซัดกันด้วยหม้อไห อย่างนั้นไม่สวย การรำการดนตรีก็ต้องหัดกันละ อีกเรื่องไม่พยักเขียนเอาไว้ในตำราคือต้องรู้จักเรื่องของหงษ์ล่อน มังกรรำ การทำเสน่ห์ เรื่องเมคเลิฟต้องชำนาญมาเป็นหนึ่ง อย่างหนึ่งที่ยังไง ๆ นางก็ไม่ขอเปลี่ยนตามผู้หญิงจีนคือ insisted อินซีสต์ ใส่กางเกงให้ได้ แม้จะต้องใส่กระโปรงยาวทับข้างนอกก็เอา นางอ้างว่ามันหนาวข้างในตอนลมพัด ใส่กางเกงไว้มันอุ่นดี นอกนี้ยังสะดวกแก่การขี่ม้าล่าสัตว์อีกด้วย แล้วนางก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงแห่งแคว้นโหยวซือ สมเป็นเกียรติแก่การเป็นนางสนมของพระเจ้ากรุงจีน เมื่อนางถูกส่งเข้าวังของพระเจ้าเจี๋ยพร้อมด้วยขบวนการส่งเจ้าหญิง พระเจ้าเจี๋ยก็มีความยินดียิ่งนัก เลยแต่งตั้งอ๋องโหยวซือให้เป็นอ๋องใหญ่ครองตำแหน่งใหญ่และแถมเมืองอื่นให้ปกครอง มากขึ้นกว่าเดิมเป็นการสมนาคุณ ความสวยแบบแขกขาวของนาง พร้อมกับท่าทางที่สง่างาม ทำให้พระเจ้าเจี๋ยทรงพอพระทายอย่างมากมาย เลยแต่งตั้งให้เป็นนางสนมเอกรองจากพระราชีนี ฮองเฮา การที่นางยังมีนิสสัยที่ชอบรุนแรง แม้แต่ฉากบนเตียงที่ถึงพริกถึงขิง ไม่มีการกระมิดกระเมี้ยนแบบสาวชาวจีน คือชอบเป็นฝ่ายบุกมากว่าเป็นฝ่ายต้านรับ ไหนเลยพระเจ้ากรุงจีนจะเจอแบบนี้มาก่อน ก็เลยติดอกติดใจ ทรงลุ่มหลงจนไม่มีใจจะทรงทำพระราชกิจ พระนางนอกจากจะชื่นชอบในเกมกีฬาทางกามแล้ว ยังชื่นชอบต่อการปลุกให้เร้าใจตลอดเวลา เช่นการเต้นรำบำแบบเย้ายวนใจของชาวเติร์ก มีฉากการร่วมรสของทหารมหาดเล็กและสาวชาววัง การให้ดื่มเหล้าเมามายในบ่อเหล้า เมื่อนางเกิดมีตัณหาความอยาก พระองค์จะอยู่ณสถานที่ใดก็ตาม นางจะไม่ต้องเสียเวลาหลบอายใครเขา นางจะต้องขึ้นเขย่ามังกรทันที ในราชรถ ในเรือสำราญ นับว่านางมีความอยากทางตัณหามากที่เดียว พระองค์เจี๋ยก็ต้องหายาบำรุงเซ๊กส์ เพื่อสนองตัณหาของนางทั้งวันทั้งคืน พระเจ้าเจี๋ยทรงว่างเว้นราชกิจ ออกว่าราชกิจนาน ๆ ครั้ง เมื่อถึงตอนออกท้องพระโรง ก็จะให้นางนั่งบนพระเพลา ครั้นนางกราบทูลอันใดก็ให้ปฏิบัติตามทันที ถ้ามีข้าราชการคนไหนทักท้วงก็ให้จับประหารชีวิตเสียทันทีต่อหน้าพระพักตร์และพระนาง ซึ่งเป็นเรื่องที่นางชอบดูยิ่งนัก พระเจ้าเจี๋ยกลายเป็นกษัตริย์ที่เหลวแหลก ไม่สามารถปกครองประเทศต่อไป ข้าราชบริพารที่มีอำนาจทั้งหลายก็รวมตัวกับเจ้าครองนครแว่นแคว้นต่าง ๆ ก่อการกบฏ ค่นล้มราชวงศ์เซี่ย จับพระเจ้าเจี๋ยและนางเหม่ยสี่ลอยบนแพ แล้วลากไปปล่อยไว้ที่กลางทะเล โดยไม่มีน้ำหรือเสบียงให้ เมื่อแพลอยไปในทะเลลึก โดนคลื่นและลมที่รุนแรงซัดโยกโคลงเคลงไปมา พระเจ้าเจี๋ยมีความเสียพระทัยมาก ถึงตอนนั้นทรงยื่นพระกรจะเข้ามาโอบกอดเหม่ยสี่ นางก็ปัดพระกรออกไป แล้วก็เอ่ยด้วยเสียงที่เย้ยหยันว่า “กษัตริย์ที่ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ก็เหมือนสุนัขที่ไม่มีที่จะซุกหัวนอน” พูดแล้วนางก็กระโดดลงในทะเล ไม่อีกนานแพเมื่อถูกคลื่นใหญ่ซัดแพก็พลิกคว่ำพร้อมกับพระเจ้าจี๋และการสิ้นสุดของราชวงศ์แฮ่ . กลับไปตอนที่ 12 อ่านต่อ ตอนที่ 14
หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us
ABOUT US | EVENTS | NEWS | ALUMNI BOARD | WEBBOARD | CONTACT US Copyright 2005 Chulalongkorn University Alumni Association of California
|